เนื้อหาวันที่ : 2012-09-25 15:38:19 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1531 views

เอปสันขยายไลน์โปรกราฟฟิก รุกทุกตลาดเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม

เอปสัน ขยายไลน์ รุกทุกตลาด เปิดตัวสินค้าใหม่พร้อมกัน 8 รุ่น ตั้งเป้าโตสิ้นปีกว่า 30%

เอปสัน ผู้นำเทคโนโลยีด้านภาพถ่ายระบบดิจิตอลและงานพิมพ์ เปิดแผนรุกตลาดงานพิมพ์เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม ล่าสุดเปิดตัวโปรกราฟฟิกรุ่นใหม่พร้อมกัน 8 รุ่น เจาะตลาดธุรกิจป้ายโฆษณากลางแจ้ง หน่วยงานราชการ ดิจิตอลแล็ป และอุตสาหกรรมการพิมพ์แพ็คเกจจิ้งและลาเบล การเพิ่มไลน์สินค้าในครั้งนี้ยังทำให้เอปสันกลายเป็นผู้ประกอบการแบรนด์เดียวที่มีสินค้ารองรับลูกค้าครบทุกตลาด

มร.เออิจิ คาโตะ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าเอปสัน ได้กำหนดเป้าหมายทางธุรกิจถึงปี 2558 โดยระบุให้กลุ่มสินค้าพรินเตอร์หน้ากว้างหรือโปรกราฟฟิกจะต้องสามารถรุกเข้าถึงลูกค้าในตลาดการพิมพ์เชิงพาณิชย์และเชิงอุตสาหกรรมให้ทั่วถึงที่สุด โดยใช้เทคโนโลยีหัวพิมพ์ไมโคร ปิเอโซ เป็นหัวใจในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ในการรุกตลาด พร้อมเพิ่มไลน์สินค้าอย่างต่อเนื่องเพื่อเข้าไปรองรับความต้องการใช้งานในทุกตลาด โดยเฉพาะเข้าไปแทนที่ระบบการพิมพ์แบบอนาล็อก

“ในประเทศไทย ปัจจุบันเอปสันเป็นผู้นำในตลาดพรีเพรสหรือธุรกิจโรงพิมพ์ และในธุรกิจสตูดิโอถ่ายภาพแต่งงานและมินิแล็ป ด้วยส่วนแบ่งกว่า 70% ทั้งยังกำลังเร่งขยายฐานลูกค้าในอุตสาหกรรมการพิมพ์แพ็คเกจจิ้งและลาเบล รวมถึงธุรกิจประเภทต่างๆ ที่ต้องการงานพิมพ์คุณภาพสูง เช่น ธุรกิจผลิตสื่อการเรียนการสอน ธุรกิจสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ ธุรกิจตกแต่งรถยนต์ โรงพยาบาล และเอเจนซี่โฆษณา ซึ่งที่ผ่านมา เอปสัน ประเทศไทย ทำยอดขายในกลุ่มโปรกราฟฟิกเติบโตในอัตราเฉลี่ย 15-20% มาทุกปี”

“โปรกราฟฟิกทั้ง 8 รุ่นที่เปิดตัวในวันนี้มีจุดเด่นที่ใช้เทคโนโลยีหัวพิมพ์ที่ดีที่สุดในโลก อย่างไมโคร ปิเอโซ ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถประหยัดต้นทุน เพิ่มความเร็วในการพิมพ์ และให้คุณภาพงานพิมพ์ที่ยอดเยี่ยม โดยที่ไม่มีปัญหาเรื่องความร้อนขณะใช้งาน ทั้งยังใช้กับน้ำหมึกของเอปสัน Epson UltraChrome ที่ไม่มีกลิ่นฉุน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญราคาเครื่องไม่สูง ดังนั้นลูกค้าไม่ว่าจะอยู่ในธุรกิจหรืออุตสาหกรรมใดก็สามารถพบกับประสิทธิภาพและคุณภาพที่น่าประทับใจจากไมโคร ปิเอโซ ของเอปสันได้แล้ว นอกจากนี้ การเปิดโปรกราฟฟิกรุ่นใหม่นี้ยังทำให้เอปสันกลายเป็นแบรนด์เดียวในตลาดขณะนี้ที่มีสินค้าครบทุกไลน์” มร.คาโตะ กล่าว

โปรกราฟฟิกที่เปิดตัวในครั้งนี้ประกอบด้วยเครื่อง 8 รุ่น สำหรับ 4 สายธุรกิจ ได้แก่ 1) Epson SureColor S series สำหรับธุรกิจผลิตป้ายโฆษณากลางแจ้ง รวม 3 รุ่น 2) Epson SureColor T series สำหรับการออกแบบงานจำลองสามมิติประเภท CAD และงานแผนที่ GIS ที่ใช้ในอินเฮาส์ของหน่วยงานราชการและเอกชนต่างๆ จำนวน 3 รุ่น          3) Epson SureLab SL-D3000 สำหรับธุรกิจดิจิตอลแล็ป ที่รองรับงานพรีเพรส และภาพถ่าย และ 4) Epson SurePress L-4033AW สำหรับอุตสาหกรรมการพิมพ์แพ็คเกจจิ้งและลาเบล ซึ่งรองรับการพิมพ์หมึกสีขาว

นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เอปสันแบ่งตลาดสำหรับการพิมพ์เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรมสามารถแบ่งออกเป็น 3 ตลาดสำคัญ ได้แก่ ตลาดกราฟฟิก อาร์ต (Graphic Art) ที่ครอบคลุมธุรกิจประเภทพรีเพรส ดิจิตอล แล็ป หรือโฟโต้ แล็ป ซึ่งเป็นตลาดหลักของเอปสัน มีการขายเครื่องมากที่สุด และมีสัดส่วนการตลาดอยู่ที่ราว 70% ด้วยยอดขายกว่า 120 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา และมั่นใจว่าในปีนี้     จะยังคงสามารถรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดไว้ได้ เราคาดการณ์ว่าจะทำยอดขายเพิ่มขึ้นอีกกว่า 10 ล้านบาทในปีนี้ หรือโตเพิ่มขึ้น 8%

“สำหรับตลาดด้านอุตสาหกรรม ที่ผ่านมา เอปสันจะให้ความสำคัญกับกลุ่มหน่วยงานราชการ ที่เน้นการใช้งานด้านการพิมพ์เชิงเทคนิค (Technical) เช่นงานด้านการออกแบบภาพจำลองสามมิติ ประเภท CAD และงานแผนที่ GIS เอปสันมียอดขายปัจจุบันอยู่ราว 15 ล้านบาท คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 10% จากการเพิ่มสินค้าใหม่ครั้งนี้ ทำให้เราคาดว่าจะทำยอดขายเพิ่มเป็น 25 ล้านบาท หรือโตมากกว่า 50% ส่วนตลาดป้ายโฆษณา (Signage) เอปสันยังถือว่าเป็นน้องใหม่ และเพิ่งเริ่มทำการตลาด เราคาดว่าจะทำรายได้ประมาณ 20 ล้านบาทในปีนี้”

“ในหลายธุรกิจ โอกาสในการแข่งขันยังเปิดกว้างอยู่ ลูกค้ายังไม่มีทางเลือกมากนัก จะมองหาเครื่องที่ทันสมัยและไว้ใจได้ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการทำงาน และต้องคุ้มค่าในการลงทุน สามารถให้งานพิมพ์คุณภาพดี โดยตัวเครื่องมีราคาไม่สูงมาก โดยเฉพาะตลาดป้ายโฆษณา ที่มีการขยายตัว 10% มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 200 ล้านบาท มีการสั่งซื้อสินค้าเพื่ออัพเกรดธุรกิจอยู่เสมอ รวมถึงมีร้านเกิดใหม่จำนวนมาก หรือธุรกิจดิจิตอล แล็ป ที่เริ่มเปลี่ยนจากระบบน้ำยา มาใช้เทคโนโลยีประเภทดรายแล็ปมากขึ้น เพื่อลดการใช้สารเคมี และป้องกันปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม การเปิดตัวสินค้าพร้อมกันทั้ง 8 รุ่นของเอปสันในครั้งนี้จึงเป็นการเปิดโอกาสรุกเข้าสู่ตลาดสำคัญๆ พร้อมกัน และเพิ่มส่วนแบ่งในแต่ละตลาด” นายยรรยง กล่าวต่อ

“มองตลาดในภาพรวมแล้ว ตลาดสิ่งพิมพ์เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรมยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ยิ่งมีกระแสการเข้าร่วมประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 ซึ่งเมืองไทยจะก้าวขึ้นเป็นฮับด้านการพิมพ์ ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายเริ่มวางแผนขยายธุรกิจ เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากการเข้ามาลงทุนของบริษัทต่างชาติ รวมถึงผู้ประกอบการไทยยังมีความพยายามที่จะรุกเข้าไปทำตลาดในประเทศเพื่อนบ้าน อย่าง กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม ซึ่งตลาดสิ่งพิมพ์ยังไม่ใหญ่เท่าเมืองไทย เอปสันจึงมองว่าตลาดพรินเตอร์หน้ากว้างจากนี้ไปน่าจะมีการแข่งขันที่น่าตื่นเต้นยิ่งขึ้น และทำให้ยอดขายโปรกราฟฟิกของเอปสันโตขึ้นกว่า 30% หรือคิดเป็นยอดรายได้สูงกว่า 170 ล้านบาท เมื่อเทียบกับยอดรายได้ 135 ล้านบาทของปีที่แล้ว และน่าจะคงอัตราเติบโตต่อเนื่องทุกปีจนถึงปี 2558 ” นายยรรยง กล่าวสรุป