เมนสตรีม รีนิวเอเบิล พาวเวอร์ เซ็นสัญญารับเงินทุน 60 ล้านยูโรจากแมคควอรีเพื่อจัดตั้งโรงไฟฟ้าร่วมทุน
วันที่ข่าว (11 กันยายน 2555) ที่ผ่านมา บริษัท เมนสตรีม รีนิวเอเบิล พาวเวอร์ (Mainstream Renewable Power) (เมนสตรีม) ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานหมุนเวียนระดับโลกประกาศในวันนี้ว่า บริษัทประสบความสำเร็จในการเซ็นสัญญารับเงินทุนมูลค่า 60 ล้านยูโรจากแมคควอรี กรุ๊ป (Macquarie Group) (แมคควอรี) ภายใต้เงื่อนไขของสัญญา เมนสตรีมจะได้รับเงินทุนเบื้องต้น 40 ล้านยูโร
สำหรับการจัดตั้งโรงไฟฟ้าร่วมทุน และจะได้รับเงินทุนที่เหลืออีก 20 ล้านยูโรในภายหลัง ภายใต้การตกลงเงื่อนไขและการอนุมัติอื่น ๆ เพิ่มเติม การทำข้อตกลงดังกล่าวเป็นไปตามเงื่อนไขที่มีมาก่อนหน้านี้ ซึ่งรวมถึงการอนุมัติของผู้ถือหุ้นบริษัทเมนสตรีม ในการระดมทุนครั้งล่าสุดนี้ เมนสตรีมยังได้ระดมเงินจำนวน 16.8 ล้านยูโรจาก High Net Worth Individuals
รวมทั้งยังพิจารณาจะระดมเงินทุนเพิ่มเติมอีก เพื่อที่จะพัฒนาธุรกิจของบริษัทให้ก้าวหน้า ซึ่งรวมถึงโครงการยักษ์ใหญ่อย่าง Energy Bridge ที่จะส่งออกกระแสไฟฟ้าจากพลังงานลมจำนวน 5,000 เมกะวัตต์จากไอร์แลนด์ให้แก่สหราชอาณาจักร โดยจะเริ่มดำเนินการในปี 2560
เมนสตรีมตั้งเป้าที่จะขยายธุรกิจอย่างมากในปีนี้ ด้วยการก่อสร้างโรงงานผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดกว่า 325 เมกะวัตต์ในไอร์แลนด์, แอฟริกาใต้, ชิลี และแคนาดา หลังจากชนะการประมูลสัมปทานจากรัฐบาล 3 ครั้งในแอฟริกาใต้เมื่อปีที่แล้ว บริษัทมีกำหนดจะเริ่มก่อสร้างทุ่งกังหันลมขนาด 138 เมกะวัตต์ 1 แห่งและโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 2 แห่งในแหลมทางภาคตะวันออกและภาคเหนือ
นอกจากนี้ เมนสตรีมยังมีกำหนดจะเริ่มก่อสร้างทุ่งกังหนลม Negrete Cuel ขนาด 33 เมกะวัตต์ในชิลี และทุ่งกังหันลม Old Man ขนาด 46 เมกะวัตต์ในแคนาดาด้วย ทั้งนี้ โครงการจัดตั้งทุ่งกังหนลมแห่งแรกในไอร์แลนด์ของเมนสตรีม (ขนาด 9 เมกะวัตต์) จะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนพฤศจิกายนปีนี้
เมื่อเร็ว ๆ นี้ เมนสตรีมได้ยื่นเรื่องขอใช้งานทุ่งกังหันลมนอกชายฝั่ง Neart na Gaoithe ในสก็อตแลนด์ และกำลังดำเนินการขอใช้ทุ่งกังหันลมนอกชายฝั่งขนาดใหญ่อีก 2 แห่ง ในอังกฤษและเยอรมนีด้วย
นายเอ็ดดี้ โอ คอนเนอร์ (Eddie O’Conner) ประธานบริหารของเมนสตรีมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการทำข้อตกลงในครั้งนี้ว่า “เมนสตรีมรู้สึกยินดีที่ได้เป็นพันธมิตรกับบริษัทผู้ลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียนระดับชั้นนำอย่างแมคควอรี่ในช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นสำหรับบริษัทของเราเช่นครั้งนี้ เราได้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากมาเป็นเวลานาน และการร่วมลงทุนของแมคควอรี่ก็เป็นข้อพิสูจน์อันชัดเจนที่แสดงถึงความเชื่อมั่นของพวกเขาที่มีต่อการขยายตัวของบริษัทของเราในอนาคต”
นายคอนเนอร์กล่าวต่อว่า “หลังจากผ่านพ้นช่วงการพัฒนาในขั้นต้น ขณะนี้ เมนสตรีมเริ่มขยายธุรกิจอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง เรามีทีมงานผู้เชี่ยวชาญกว่า 150 คนที่ช่วยพัฒนาโครงการพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่กว่า 50 แห่งใน 4 ทวีปอย่างแข็งขัน อีกทั้งเรายังได้เริ่มก่อสร้างโครงการพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดกว่า 325 เมกะวัตต์ใน 4 ประเทศด้วย การลงทุนในครั้งนี้หมายความว่าเราจะสามารถดำเนินการก่อสร้างโครงการต่าง ๆ ได้มากยิ่งขึ้น รวมไปถึงสามารถขยายการพัฒนาโครงการของเราไปทั่วโลกได้อีกด้วย”
นายเดวิด แฟสส์ (David Fass) ประธานบริหารของแมคควอรี่ กรุ๊ป ในยุโรป, ตะวันออกกลาง และแอฟริกาแสดงความเห็นว่า “แมคควอรี่ยินดีที่จะได้สนับสนุนเมนสตรีมในการส่งออกพลังงานหมุนเวียนของเมนสตรีมไปยังสหราชอาณาจักรและทั่วโลก เราเชื่อว่าจะได้รับประโยชน์จากการพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานลมนอกชายฝั่ง ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในอนาคตอีกทศวรรษถัดไป”
“การทำสัญญาครั้งนี้ตอกย้ำถึงสถานะอันแข็งแกร่งของแมคควอรี่ในภาคอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน ในฐานะบริษัทผู้ลงทุน, ผู้ให้คำปรึกษา, ผู้พัฒนา, ผู้ดำเนินการ และผู้สนับสนุนเงินทุน เราเล็งเห็นว่าระดับความสนใจของลูกค้าที่กำลังมองหาแหล่งระดมเงินทุนเพื่อสนับสนุนการขยายธุรกิจของพวกเขานั้นเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความชำนาญอย่างถึงแก่นแท้ของเราและพันธสัญญาที่จะให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่โครงการพลังงานหมุนเวียนต่าง ๆ เราจึงสามารถจัดหาเงินทุนที่จำเป็นต่อการขยายกิจการโครงการให้แก่ลูกค้าได้” นายแฟสส์กล่าว
การร่วมทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าดังกล่าว ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลากว่า 9 เดือนจึงจะแล้วแสร็จ เป็นการร่วมลงทุนด้วยจำนวนเงินทุนงวดเดียวที่มากที่สุดของเมนสตรีม รองลงมาจากบาร์เคลย์ส แคปิตอล ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนทางด้านการเงินจำนวน 20 ล้านยูโรให้แก่เมนสตรีม ในช่วงที่เริ่มก่อตั้งบริษัทในปี 2551
การลงทุนครั้งนี้ส่งผลให้จำนวนหุ้นส่วนและหนี้สินทั้งหมดที่ระดมทุนโดยเมนสตรีมนับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัทเมื่อปี 2551 อยู่ที่กว่า 265 ล้านยูโร ทั้งนี้ นายเอ็ดดี้ โอ คอนเนอร์ได้ก่อตั้งบริษัทเมนสตรีมขึ้นหลังจากขายกิจการบริษัท แอร์ทริซิตี้ (Airtricity) ให้แก่บริษัท E-ON และ Scottish and Southern Energy ในราคา 1.8 พันล้านยูโร
Thailandindustrycom_official
