เนื้อหาวันที่ : 2012-09-11 13:58:50 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1818 views

เอ็นจีโอตอก รบ.สอบตกแผนพัฒนาพลังงาน ส่อเอื้อผุด 7 โรงไฟฟ้าเอกชน

นายกฯ อนุมัติพีดีพี 2010 ขัดแผนอนุรักษ์พลังงานของครม. ส่อเอื้อผุด 7 โรงไฟฟ้าเอกชน ชี้นักการเมืองมีผลประโยชน์ทับซ้อน

เอ็นจีโอ ตอกแผนพัฒนาพลังงาน 20 ปี เปิดเวทีฟังความเห็น 2 ชม. นายกฯอนุมัติพีดีพี 2010 ขัดแผนอนุรักษ์พลังงานของครม. ส่อเอื้อผุด 7 โรงไฟฟ้าเอกชน ชี้นักการเมืองมีผลประโยชน์ทับซ้อน

น.ส.สุรีรัตน์  แต้ชูตระกูล แกนนำกลุ่มอนุรักษ์ทับสะแก ที่คัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินทับสะแกของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) วิจารณ์การแถลงผลงานครบรอบ 1 ปีรัฐบาลของกระทรวงพลังงานนำโดยนายอารักษ์  ชลธาร์นนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่ประกาศความสำเร็จในการทำแผนพัฒนาไฟฟ้า(พีดีพี) 20ปี โดยใช้พลังงานทดแทนและแผนอนุรักษ์พลังงานเพื่อเสริมความมั่นคงไฟฟ้า ในการรองรับการขยายตัวของการใช้ไฟฟ้าอีก 20 ปีข้างหน้า

น.ส.สุรีรัตน์ กล่าวว่าประชาชนต้องรู้เท่าทันนักการเมือง การประเมิลผลนโยบายควรยึดความจริงและผลประโยชน์สังคมโดยรวม และนำไปสู่การแก้ไขข้อผิดพลาด ทั้งนี้กลุ่มอนุรักษ์ทับสะแกไม่เห็นด้วยกับแผนพีดีพี 2010 ปรับปรุงครั้งที่ 3 ที่ต้องใช้ 20 ปี แต่มีเวลาฟังความเห็นประชาชนแค่ 1 ชั่วโมง 45 นาที  ทำเวทีที่เดียวในกรุงเทพฯ รีบชงอนุมัติเพื่อให้เปิดประมูลสัมปทานโรงไฟฟ้าเอกชน 7 โรงให้ทันรัฐบาล และเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา  ช่วงที่มีการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของประเทศ กฟผ.ได้ไฟเขียวทำแผนปิดซ่อมโรงไฟฟ้าไป 3,000 เมกะวัตต์ ทั้งๆที่หลีกเลี่ยงได้ ถือว่าเป็นการบริหารที่ไร้ประสิทธิภาพ ทำให้ไฟฟ้าสำรองที่พึ่งพาได้ต่ำกว่าเป็นจริง เพื่ออ้างเหตุผลในการเร่งลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินและก๊าซใหม่โดยไม่จำเป็น

แกนนำกลุ่มอนุรักษ์ทับสะแก ยังกล่าวถึงแผนอนุรักษ์พลังงานของรัฐบาลที่ออกเป็นมติคณะรัฐมนตรี โดยกำหนดเป้าหมายลดความต้องการใช้ไฟฟ้า 17,500 เมกกะวัตต์ (เทียบเท่าการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินประมาณ 22โรง)ในรอบ 20ปี  ถือเป็นนโยบายชิ้นโบว์แดง แต่เมื่อนำไปสู่การปฏิบัติ กระทรวงพลังงาน กลับทำแผนพีดีพี 2010 กลับกำหนดเป้าหมายการทำแผนอนุรักษ์พลังงานเพียง 20% หรือ 3,500 เมกะวัตต์ใน 20ปี และนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะประธานคณะกรรมการพลังงานชาติอนุมัติผ่าน จึงชัดเจนว่ารัฐบาลชุดนี้สอบตกด้านนโยบายพลังงาน

น.ส.สุรีรัตน์ กล่าวว่าหากรัฐบาลจริงใจ เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการไฟฟ้าด้านดีมานด์ โดยลดความต้องการใช้ไฟฟ้าตามแผนอนุรักษ์พลังงานให้บรรลุเป้าหมายปีละ 875 เมกะวัตต์  จะทำให้ค่าไฟฟ้าตามคาดหมายในปี 2573 ลดลง 22%  ทันที และใช้เม็ดเงินลงทุนต่ำกว่าการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ทุกชนิด ไม่ต้องเสียเงินลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินของ กฟผ. 4โรง โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 2โรงและโรงไฟฟ้าก๊าซของเอกชนอีก 7 โรง ประเทศไทยก็มีไฟฟ้าพอใช้  และยังช่วยลดการนำเข้าเชื้อเพลิงได้อย่างยั่งยืน 

แกนนำกลุ่มอนุรักษ์ทับสะแก กล่าวอีกว่าในประเทศที่พัฒนาแล้วจะใช้แผนอนุรักษ์พลังงานป็นทางเลือกแรกในการวางแผนพีดีพี และต้องทำให้มากสุด  แต่รัฐบาลไทยกลับทำตรงข้ามคือใช้เป็นทางเลือกสุดท้ายและทำให้น้อยที่สุด เพราะระบบที่เอื้อให้ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพลังงานและ กฟผ.ที่รับผิดชอบทำแผนพีดีพี ไปนั่งเป็นบอร์ดของบริษัทค้าพลังงานแบบสวมหมวก 2ใบ  จึงมีปัญหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน คำนึงถึงการสร้างกำไรให้กลุ่มทุนค้าพลังงานมากกว่าผลประโยชน์ของสังคมโดยรวม .

ขอบคุณข้อมูลข่าว : เว็บไซต์สำนักข่าวอิศรา