เนื้อหาวันที่ : 2012-09-07 10:34:34 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1442 views

อุตฯ เครื่องหนังไทย ระส่ำ!จากวิกฤตเศรษฐกิจยูโร เร่งปรับตัวรับ AEC

อธิบดีกรมส่งเสริมอุตฯ ระบุผู้ประกอบการเครื่องหนังไทย ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจยูโร พร้อมแนะกลุ่มผู้ประกอบการเครื่องหนังปรับตัวรองรับการเปิดเออีซี

อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ระบุ ผู้ประกอบการเครื่องหนังไทย ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจยุโรป พร้อมแนะกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเครื่องหนังปรับตัวรองรับการเปิดประชาคมอาเซียน

วันที่ (6 กันยายน 2555) เว็บไซต์สำนักข่าวแห่งชาติ รายงานว่า นายพสุ โลหารชุน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมเครื่องหนังของไทย ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ กำลังได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจในยุโรป ดังนั้น ผู้ประกอบการต้องปรับตัวเร่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อรองรับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558

ซึ่งยึดการผลิตที่มีคุณภาพมาตรฐาน เน้นสินค้าที่มีความแตกต่างจากคู่แข่ง ยกระดับสินค้าให้สามารถอยู่ในตลาดบน (Hi-End) เพื่อหลีกหนีตลาดระดับล่างจากประเทศจีนและเวียดนาม โดยปัจจุบันภาครัฐมีเป้าหมายส่งออกกลุ่มสินค้าแฟชั่นและเครื่องหนัง ให้ขยายตัวไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2555 มูลค่าการส่งออกสินค้าแฟชั่นและเครื่องหนัง รวมเป็นจำนวนกว่า 260,000 ล้านบาท และเป้าหมายการส่งออกทั้งปีอยู่ที่ร้อยละ 7-9 ซึ่งคาดว่ายอดการส่งออกปี 2555 จะมีมูลค่ารวมกว่า 780,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญกับการหาวิธีการลดต้นทุนการผลิต โดยมุ่งเน้นที่จะเพิ่มคุณภาพสินค้า และการออกแบบรูปลักษณ์ใหม่ควบคู่ไปกับการหาข้อมูลนำมาวิเคราะห์เพื่อพัฒนาสินค้าให้ทันสมัย ตรงกับความต้องการของลูกค้าในตลาดแฟชั่น รวมถึงเน้นการบริการหลังการขายและการส่งมอบสินค้าให้ลูกค้าตรงเวลา การคิดค้นวิธีการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้า ด้วยการสร้างความแตกต่าง โดยการนำนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้อย่างสร้างสรรค์ เพื่อสามารถพัฒนาตราสินค้าไทยให้เป็นที่ยอมรับแก่ผู้บริโภค

ด้านนายสมพล รัตนาภิบาล ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา กล่าวว่า ที่ผ่านมากรมส่งเสริมอุตสาหกรรมได้จัดงานแสดงสินค้า “แฟนพันธุ์แท้เครื่องหนังไทย” อย่างต่อเนื่อง นับเป็นปีที่ 9 แล้ว โดยโชว์ศักยภาพของผู้ประกอบการเครื่องหนังไทย ที่ได้นำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้ในการพัฒนาสินค้า เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ตลอดจนการพัฒนาตราสินค้าไทยให้เป็นที่ยอมรับแก่ผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ