เนื้อหาวันที่ : 2012-08-31 09:21:12 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1652 views

TKS มั่นใจครึ่งปีหลังโชว์ฟอร์มสวยกว่าครึ่งปีแรก ตรียมรุกตลาด ตปท.เพิ่ม

ที.เค.เอส.เทคโนโลยี มั่นใจครึ่งปีหลังโชว์ฟอร์มสวยกว่าครึ่งปีแรก หลังรอซิวงานใหม่อื้อ แถมเตรียมรุกตลาด ตปท.เพิ่ม

“ศิริวรรณ สุกัญจนศิริ” ส่งสัญญาณครึ่งปีหลัง TKS ทำผลงานสวยกว่าครึ่งปีแรก หลังปรับราคางานพิมพ์ ให้สอดคล้องกับต้นทุนค่าแรงที่เพิ่มขึ้น พร้อมประกาศเตรียมรุกตลาด ตปท.เพิ่ม มั่นใจทั้งปีปั๊มรายได้โต 15% แตะ 1,300 ล้านบาทได้ตามเป้า ด้านบอร์ดใจถึงยังสั่งปันผล0.10 บ./หุ้น แม้ผลงานครึ่งแรกได้รับผลกระทบค่าแรงขั้นต่ำ 300 บ.

วันที่ (31 สิงหาคม 2555) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  นางสาวศิริวรรณ สุกัญจนศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที.เค.เอส.เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ TKS ผู้ประกอบการธุรกิจงานพิมพ์ครบวงจรรายใหญ่ในประเทศ เปิดเผยถึง แนวโน้มธุรกิจการพิมพ์ในครึ่งปีหลังว่า มีแนวโน้มเติบโตสดใสกว่าครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เนื่องจากเข้าสู่ช่วง High Season ของธุรกิจ

นอกจากนั้น ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี ยังรับรู้รายได้ที่เหลือจากงานพิมพ์แสตมป์สะสม 7-11ที่ทยอยรับรู้รายได้มาตั้งแต่ช่วงไตรมาส 1/2555 รวมทั้งงานพิมพ์หนังสือภาคเอกชน มูลค่างานราว 40 ล้านบาท และเริ่มทยอยรับรู้รายได้ทั้งหมดในช่วงครึ่งปีหลังนี้เช่นเดียวกัน ประกอบกับ บริษัทฯ อยู่ระหว่างเจรจางานใหม่จากทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้

บริษัทฯ อยู่ระหว่างเจรจางานภาครัฐบาล ซึ่งถือว่าเป็นโปรเจ็กต์ใหญ่ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 4/2555 นี้ นอกจากนั้นยังเข้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งจากภาครัฐบาลและเอกชน ส่งผลให้ปัจจุบันมีงานในมือที่รอรับรู้เป็นรายได้ (Backlog) อยู่ที่ประมาณ 300 ล้านบาท

และจะทยอยรับรู้รายได้ทั้งหมดในปีนี้เช่นเดียวกัน ประกอบกับ เรามีแผนขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าหมายสัดส่วนการส่งออกเติบโตราว 20% จากปีก่อนหน้านี้อยู่ที่ 10% จึงมั่นใจว่าเป้าหมายรายได้คาดหวังจะเติบโต 15% แตะ 1,300 ล้านบาท จะทำได้สำเร็จ นางสาวศิริวรรณ กล่าว

ทั้งนี้ บริษัท ที.เค.เอส.เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) รายงานผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยประจำไตรมาส 2/2555 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2555 มีผลกำไรสุทธิจำนวน 49.19 ล้านบาท เทียบกับกำไรสุทธิจากงวดเดียวกันของปีก่อน จำนวน 66.89 ล้านบาท กำไรสุทธิลดลง 17.70 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 26.5 ส่วนผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกปีนี้ (มกราคม – มิถุนายน 2555) บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิจำนวน 106.14 ล้านบาท เทียบกับกำไรสุทธิจากงวดเดียวกันของปีก่อน จำนวน126.49 ล้านบาท ลดลง 20.35 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 16.1

โดยกำไรที่ลดลงมาจากกำไรขั้นต้นในไตรมาส 2/2555 ที่ลดลงเนื่องจากนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน มีผลให้ค่าจ้างเพิ่มสูงขึ้นเท่ากับร้อยละ 19.6 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับ

ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทร่วม ที่บริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 39.0 ลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จำนวน 9.81 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 24.4 จึงสะท้อนให้ผลประกอบการของบริษัทลดลงดังกล่าว อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ให้ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 13 กันยายน 2555

 “ผลงาน Q2/55 ที่ลดลง เนื่องจากบริษัทฯ ได้รับผลกระทบค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ส่งผลกระทบต่อบริษัทฯ ในส่วนของงานลูกค้าที่เป็น contact ต่อเนื่อง จึงทำให้ต้นทุนของบริษัทฯ เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ปรับเพิ่มราคางานพิมพ์ในช่วงไตรมาส 3/2555 เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนค่าแรงที่เพิ่มขึ้นแล้ว พร้อมทั้ง ทยอยปรับปรุง และซื้อเครื่องจักรใหม่เพิ่มเพื่อนำมาช่วยดำเนินการผลิต แทนแรงงานคน จึงเชื่อว่าครึ่งปีหลังจะผลักดันผลประกอบการให้เติบโตสูงกว่าครึ่งปีแรกได้สำเร็จ” นางสาวศิริวรรณ กล่าว