เนื้อหาวันที่ : 2012-08-27 09:50:52 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1842 views

CHOW ส่งสัญญาณครึ่งปีหลังเข้า High Season เชื่อหนุนธุรกิจเหล็กกลางน้ำโตต่อเนื่อง

“อนาวิล จิรธรรมศิริ” ผู้บริหาร CHOW มั่นใจครึ่งปีหลังธุรกิจเหล็กกลางน้ำยังเติบโตได้ดี ตามการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม

“อนาวิล จิรธรรมศิริ” ผู้บริหาร CHOW มั่นใจครึ่งปีหลังธุรกิจเหล็กกลางน้ำยังเติบโตได้ดี ตามการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมและอสังหาฯ แถมไตรมาสที่ 4 ยังเข้าสู่ช่วง High Season ของธุรกิจ หนุนผลประกอบการเติบโตในทิศทางเดียวกัน ขณะQ2/55 โชว์ผลงานสวยกำไรโตกว่า 100% จากการผลิตมีประสิทธิภาพ - ราคาขายปรับสูงขึ้น

 นายอนาวิล จิรธรรมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOW ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กแท่งยาว (Steel Billet) รายใหญ่ของประเทศที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในระดับสากล เปิดเผยถึงแนวโน้มอุตสาหกรรมเหล็กแท่งยาว หรือ Steel Billet ในครึ่งปีหลังว่ายังเติบโตต่อเนื่องได้

จากความต้องการใช้เหล็กในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ยังคงขยายตัวอย่างชัดเจน รวมทั้งการขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ และการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ ประกอบกับในช่วงไตรมาสที่ 4 ของทุกปีจะเป็นช่วงฤดูการขาย (High Season) เนื่องจากหมดฤดูฝน ทำให้การก่อสร้างต่างๆ เริ่มเดินหน้าได้อย่างเต็มตัว สนับสนุนให้การใช้เหล็กเพิ่มขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งจะสะท้อนให้ผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังจะออกมาดีอย่างต่อเนื่องได้

"เรามั่นใจว่าครึ่งปีหลังธุรกิจยังเติบโตได้ดี จะเห็นได้จากมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจนถึงขณะนี้เรามีออเดอร์รอส่งมอบแล้วถึง 50,000 ตัน ประกอบกับขณะนี้ราคาขาย Steel Billet ได้ปรับเพิ่มขึ้นมาสัมพันธ์กับราคาวัตถุดิบอีกครั้ง ส่วนต่างระหว่างราคาขายและต้นทุนวัตถุดิบจึงกลับมาอยู่ในระดับที่ดี ซึ่งสะท้อนให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับขึ้นมาอยู่ในระดับที่เหมาะสมอีกครั้งดังกล่าว นอกจากนั้นเรายังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้ใช้วัตถุดิบให้เกิดประโยชน์สูงสุด ส่งผลต่อเนื่องให้ต้นทุนด้านการผลิตลดลงไปด้วย จึงมั่นใจว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนให้ผลประกอบการออกมาในทิศทางที่ดีได้" นายอนาวิลกล่าว

ทั้งนี้ บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) ประกาศผลประกอบการประจำงวดไตรมาสที่ 2/2555 (เมษายน – มิถุนายน 2555) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิที่เป็นส่วนของบริษัทใหญ่จำนวน 59.28 ล้านบาท ในงบเฉพาะกิจการ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ100.6 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 29.55 ล้านบาท สาเหตุจากราคาขายที่มีการปรับเพิ่มสูงขึ้น และการเพิ่มกำลังการผลิตก่อให้เกิดการประหยัดต้นทุนต่อขนาดได้เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งการควบคุมกระบวนการผลิตที่เน้นเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดช่วยลดต้นทุนการผลิต

 “ไตรมาสที่ 2/2555 เราพลิกกลับมามีกำไรที่เติบโตอย่างโดดเด่นอีกครั้ง เพราะราคาขาย Steel Billet ได้ปรับเพิ่มขึ้น จึงทำให้ส่วนต่างระหว่างราคาวัตถุดิบและราคาขายได้กลับมาอยู่ในอัตราที่เป็นปกติอีกครั้ง จึงสะท้อนให้กำไรสุทธิกลับมาอยู่ในระดับที่เติบโตอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับปีก่อนดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากไตรมาสที่ 1/2555 บริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากปัญหาวัตถุดิบราคาสูงกว่าปกติ ในขณะที่ไม่สามารถปรับราคาขายได้ทัน จึงทำให้กำไรสุทธิในไตรมาสดังกล่าวลดลง และมีผลให้ผลประกอบการในงวดครึ่งปีแรกของปี 2555 ได้ลดลงตามไปด้วย แต่มั่นใจว่าในครึ่งปีหลังธุรกิจจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพราะในไตรมาสที่สี่จะเข้าสู่ช่วง High Season ของธุรกิจอีกครั้ง” นายอนาวิลกล่าว

ทั้งนี้ บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) ชี้แจงผลการดำเนินงานสำหรับงวด 6 เดือน (มกราคม-มิถุนายน 2555) ว่าเปลี่ยนแปลงลดลงจากงวดเดียวกันของปี 2554 ในขณะที่บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม 2,784.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 จากปี 2554 ที่ทำได้ 2,777 ล้านบาท ในขณะที่ปริมาณการขาย ในงวดครึ่งปีแรก2555 มีจำนวน 142,785 ตัน เพิ่มขึ้น 247 ตันจากงวดครึ่งแรกปี 2554 ที่มีจำนวน 142,538 ตัน ซึ่งมีปริมาณการขายที่ใกล้เคียงกัน

โดยผลกำไรที่ลดลง เนื่องมาจากได้รับผลพวงจากไตรมาสที่ 1/2555ที่อัตรากำไรขั้นต้นปรับลดลงจากต้นทุนเศษเหล็กที่มีการปรับราคาเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ราคาขายทรงตัว ประกอบกับการชะลอการสั่งซื้อในช่วงไตรมาส 1/2555 ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิในงบการเงินเฉพาะกิจการที่เป็นส่วนของบริษัทใหญ่จำนวน 69.33 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 46.4 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2554 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 129.43 ล้านบาท