เนื้อหาวันที่ : 2012-08-08 11:40:32 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1543 views

ณรงค์ชัย เชื่อเศรษฐกิจไทยโตไม่ถึง 5% ส่งออกหด รัฐ-เอกชนต้องปรับตัวรับวิกฤตยุโรป

ณรงค์ชัย เผย จีดีพี ในปีนี้จะขยายตัวได้ไม่เกิน 5% วิกฤตเศรษฐกิจโลก กระทบต่อส่งออกอาจจะโตไม่ถึง 7%

ณรงค์ชัย เชื่อเศรษฐกิจไทยโตไม่ถึง 5% ส่งออกโตไม่ถึงร้อย กว่า 7% รัฐ-เอกชนปรับตัวรับมือวิกฤติยูโร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ (7 สิงหาคม พ.ศ. 2555 ) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จัดเสวนา เกาติดเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลัง 2555 โดย นายณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานกรรมการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวในงานเสวนา ว่า

ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามภาวะเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด ซึ่งคาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ในปีนี้จะขยายตัวได้ไม่เกิน 5% จากที่คาดการณ์ในช่วงต้นปีว่าจะขยายตัวได้ 6% เพราะไทยได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก จนส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกไทย ที่คาดว่าอาจจะโตไม่ถึง 7% ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดการณ์ไว้
 
สำหรับทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ คาดว่าจะไม่มีการปรับขึ้นอีกแล้ว ส่วนจะปรับลดลงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เนื่องจากการใช้จ่ายในประเทศยังอยู่ในระดับต่ำ แต่เศรษฐกิจไทยยังจำเป็นต้องกระตุ้นการใช้จ่ายต่อเนื่อง เพื่อชดเชยภาคการส่งออกที่ชะลอตัว

ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐที่ยังเบิกจ่ายล่าช้ากว่าที่คาดไว้ ซึ่งเศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะขยายตัวได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการลงทุนภาครัฐว่าจะเร่งการลงทุนได้เร็วหรือไม่ และไม่ควรใช้งบประมาณเพื่อการแจกจ่ายอีก เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังมีความเสี่ยงมาจาก 3 ปัจจัย คือ

1.ปัญหาหนี้สาธารณะของกลุ่มประเทศในยุโรปและสหรัฐอเมริกา ที่จะต้องใช้เวลาแก้ไขปัญหาอีกหลายปี ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจโลกชะลอตัว 2.อัตราแลกเปลี่ยนผันผวนในช่วง 31-32 บาทต่อเหรียญ การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์มีความผันผวน และ 3.ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะปรับตัวเพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากปัญหาในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางที่เริ่มจะรุนแรงมากขึ้น" นายณรงค์ชัยกล่าว
 

ด้านนายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาคการส่งออก เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย โดยคิดเป็นนสัดส่วนที่สูงถึงร้อยละ 75 ของจีดีพี ในปี 2554 และพบว่า บทบาทของภาคอุตสาหกรรมมีส่วนสำคัญต่อภาคการส่งออก และการพัฒนาเศรษฐกิจไทยมาโดยตลอด

ขณะที่ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก โดยเฉาะวิกฤตเศรฐกิจยุโรปได้ส่งผลกระทบต่อต้นทุนของผู้ประกอบการเช่นกัน และที่สำคัญซึ่งมิอาจลืมได้เกี่ยวกับวิกฤตอุทกภัยในปี 2554 ที่ผ่านมาได้สร้างความเสียหายให้กับเศรฐกิจเป็นอย่างมาก

ขณะเดียวกันความพร้อมของไทยกับประชาคมอาเซียนในปี 2558 ก็เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวผู้ประกอบการและคนไทยเข้ามาทุกขณะเช่นกัน ที่จะต้องปรับตัวและสร้างความร่วมมือและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เตรียมความพร้อมสู่การเป็นประชาคมอาเซียน ที่จะทำให้มีการเคลื่อนย้ายสินค้าและบริการ การลงทุน เงินทุน และแรงงานฝีมืออย่งเสรี นายศุภรัตน์ กล่าว

นายศุภรัตน์ กว่าเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในปี 2558 ยังคงขวายตัวต่อเนื่องภายหลังจากวิกฤตอุทกภัย เมื่อปี 2554 โดยเฉพาะการผลิตอุตสาหกรรมที่ได้รับความเสียหาย ต่างเร่งฟื้นฟูจนสามารถกลับมาผลิคได้ตามปกติ แสดงให้เห็นว่าพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทยมีความแข็งแกร่ง

อย่างไรก็ตามปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังปี 2555 ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก และปัญหาหนี้ยุโรปที่จะทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว และอาจยึดเยื้อกระทบต่อภาคการส่งออกของไทย ทั้งทางตรง และทางอ้อม สินค้าไทยที่ส่งออกไปยังยุโรปลดลง ส่วนปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ เช่น พลังงาน ภัยธรรมชาติ เป็นต้น