เนื้อหาวันที่ : 2012-07-19 10:57:00 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 905 views

ตราเพชร กดปุ่มเดินเครื่องเพิ่มกำลังการผลิตไม้สังเคราะห์ 7.2 หมื่นตัน

ตราเพชร กดปุ่มเดินเครื่องเพิ่มกำลังการผลิตไม้สังเคราะห์ 7.2 หมื่นตันรับความต้องการสินค้าพุ่ง กวาดยอดขายจากNT10 ปีละ 500 ล้านบาท

‘ผลิตภัณฑ์ตราเพชร’ เริ่มเดินเครื่องผลิตสินค้ากลุ่มไม้สังเคราะห์จากสายการผลิต NT-10 ปลายเดือนนี้ด้วยกำลังการผลิต 7.2 หมื่นตัน ดันกำลังการผลิตรวมกลุ่มไม้สังเคราะห์เพิ่มเป็น 2.7 แสนตันต่อปี ชี้ช่วยสร้างความยืดหยุ่นด้านบริหารจัดการด้านการผลิตสินค้า ลดการสูญเสียโอกาสการขาย เสริมศักยภาพการทำตลาด รับความต้องการสินค้ากลุ่มไม้สังเคราะห์ตลาดในและต่างประเทศพุ่ง คาดสายการผลิต NT-10 สร้างรายได้เพิ่มต่อปี 500-600 ล้านบาท หนุนเป้ารายได้ปีนี้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง

นายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการสายการขายและการตลาด บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์ พื้นไม้ลามิเนต แผ่นบอร์ด ยิปซัม และบริการหลังการขาย ภายใต้แบรนด์ ‘ตราเพชร’ เปิดเผยว่า จากการเติบโตของตลาดไม้สังเคราะห์ บริษัทฯ จึงมีนโยบายลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตสินค้ากลุ่มไม้สังเคราะห์ ด้วยเงินลงทุน 480 ล้านบาท โดยมีกำลังการผลิตเพิ่มอีก 72,000 ตันในสายการผลิต NT-10 ตั้งแต่ปี 2554 ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้ บริษัทฯ มีความพร้อมเดินเครื่องจักรผลิตสินค้าประเภทไฟเบอร์ซีเมนต์บอร์ดได้ตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายนนี้ โดยในช่วงแรกคาดว่าจะใช้กำลังการผลิตประมาณ 70% ของกำลังการผลิตใน NT-10

ทั้งนี้ การเดินเครื่องจักรสายการผลิต NT-10 จะเข้ามาช่วยสร้างความยืดหยุ่นด้านบริหารจัดการด้านการผลิตสินค้า ซึ่งสามารถลดความสูญเสียโอกาสจากการขายสินค้ากลุ่มไม้สังเคราะห์ จากเดิมที่มีเพียงสายการผลิต NT-9 ที่ผลิตสินค้าไฟเบอร์ซีเมนต์บอร์ดเพียงอย่างเดียว โดยบริษัทฯ วางแผนให้สายการผลิต NT-10 ผลิตไฟเบอร์ซีเมนต์บอร์ดชนิดแบบบาง ความหนาตั้งแต่ 3.5 มิลลิเมตรถึง 12 มิลลิเมตร ขณะที่สายการผลิต NT-9 จะผลิตไฟเบอร์ซีเมนต์บอร์ดความหนาตั้งแต่ 16 มิลลิเมตรขึ้นไป ส่งผลให้เดินเครื่องจักรผลิตสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

“สายการผลิต NT-10 ทำให้เราสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าดีขึ้น สร้างโอกาสการขายสินค้าให้กับผลิตภัณฑ์ตราเพชรได้มากขึ้น หลังจากที่ผ่านมา เราจำเป็นต้องหยุดเดินเครื่องจักรเพื่อปรับแบบความหนา เพื่อสร้างความหลากหลายในตัวผลิตภัณฑ์ไฟเบอร์ซีเมนต์บอร์ด แต่สายการผลิตใหม่ ทำให้เราสามารถยืดหยุ่นในการผลิตสินค้าได้เต็มที่ โดยไม่ต้องหยุดเครื่องจักร เพื่อรองรับความต้องการสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น” นายสาธิต กล่าว

ทั้งนี้ จากความพร้อมดังกล่าว ทำให้บริษัทฯ สามารถเร่งผลิตสินค้าเพื่อป้อนต่อความต้องการของตลาด เพื่อรองรับการขยายตัวของช่องทางขายร้านวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ที่มีเพิ่มขึ้น และกำลังได้รับความนิยมจากลูกค้าไปเลือกซื้อสินค้าผ่านช่องทางดังกล่าวมากขึ้น ทำให้บริษัทฯ ต้องเร่งผลิตสินค้ารองรับกับความต้องการของตลาดดังกล่าว จึงมั่นใจว่าสายการผลิต NT-10 จะเข้ามาช่วยทำให้บริษัทฯ มีความพร้อมในการป้อนสินค้าเข้าสู่ช่องทางดังกล่าวมากขึ้น

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังมีกำลังการผลิตมากเพียงพอที่การบุกขยายตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศพม่า ที่มีความต้องการสินค้าวัสดุก่อสร้างในกลุ่มไม้สังเคราะห์เพิ่มสูงขึ้น จึงมั่นใจว่า การเริ่มเดินเครื่องสายการผลิต NT-10 ในครั้งนี้ จะช่วยสร้างรายได้ให้แก่บริษัทฯ โดยในครึ่งปีหลังปีนี้ จะรับรู้รายได้การขายจากสายการผลิตดังกล่าวประมาณ 300 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 500-600 ล้านต่อปีในปี 2556