เนื้อหาวันที่ : 2012-03-15 11:48:01 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2704 views

ผู้หญิงยุคใหม่ รู้ทัน ป้องกันภัยพิบัติ

คุณสาวๆ ยุคใหม่ที่มีหัวใจรักษ์โลก รักประเทศไทย และอยากเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยกันดูแลประเทศของเราให้ปลอดจากภัยพิบัติ ลองมาดูซิว่าเราจะช่วยได้อย่างไร

ประพาฬรัตน์ ยงมานิตชัย (prapanrat@live.com)

คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่า วิกฤตการณ์น้ำท่วมในตอนนี้กำลังเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ ที่ไม่มีใครไม่ได้รับผลกระทบ หลายคนต่างวิเคราะห์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานาว่า ภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 50 ปีนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ซึ่งสาเหตุหนึ่งที่คนส่วนใหญ่พูดถึง และยอมรับกันมากที่สุดก็คือ การตัดไม้ทำลายป่าและทำลายธรรมชาติของมนุษย์เรานั่นเอง

จากการสำรวจพบว่า ปัจจุบันพื้นที่ป่าไม้ในประเทศไทยเหลือเพียงร้อยละ 20 ของพื้นที่ประเทศทั้งหมด ทั้งๆ ที่เมื่อ 50 ปีก่อน ป่าไม้กินพื้นที่ถึงครึ่งหนึ่งของประเทศ สาเหตุหลักๆ ของการทำลายป่าก็คือ การเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากร ทำให้ต้องมีการเพิ่มพื้นที่อยู่อาศัย เพิ่มพื้นที่เพาะปลูก ขยายเขตเมือง รวมทั้งความต้องการทรัพยากรธรรมชาติอันมีค่าเพื่อธุรกิจและการค้า

สาวๆ หลายคนเมื่ออ่านแล้วอาจรู้สึกหงุดหงิดและอดคิดไม่ได้ว่า ตัวเองกำลังรับผลพวงจากปัญหาที่ไม่ได้ก่อ เพราะตั้งแต่จำความได้ ยังไม่เคยทำลายป่า ตัดต้นไม้ หรือทำลายทรัพยากรธรรมชาติ จะมีก็แต่เด็ดดอกไม้เล่น หรือเผลอทิ้งขยะไม่ลงถังเท่านั้น ซึ่งคงไม่ร้ายแรงถึงขนาดทำให้น้ำท่วม ดินถล่ม หรือพายุฝนโหมกระหน่ำ แต่ทราบไหมคะว่า แม้เราจะไม่ได้ทำลายป่าหรือลงมือตัดต้นไม้

แต่พฤติกรรมการใช้ชีวิตของเราในปัจจุบัน ก็ส่งผลเสียได้ไม่แตกต่างจากการทำลายทรัพยากรธรรมชาติเลยทีเดียว โดยเฉพาะคุณสาวๆ ขาช้อป ที่คลั่งไคล้แบรนด์เนมตั้งแต่หัวจรดเท้า นิยมอาหารจานด่วนนอกบ้าน ตกหลุมรักเทคโนโลยีชนิดถอนตัวไม่ขึ้น ยิ่งทำลายทรัพยากรธรรมชาติโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะในแต่ละวันที่คุณใช้เวลาในห้างสรรพสินค้า คุณกำลังใช้ปริมาณไฟฟ้าเท่ากับคนทั้งจังหวัดรวมกัน

หรือในยามที่กำลังลิ้มรสอาหารจานอร่อยนอกบ้าน โรงงานในภาคอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ก็กำลังใช้พลังงานในกระบวนการผลิตมากเป็นอันดับสองของประเทศ และเมื่อความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีกำลังเป็นไปอย่างก้าวกระโดด ทรัพยากรธรรมชาติ อย่างแร่ธาตุในดิน หรือแม้แต่พื้นที่ป่าก็ถูกบุกรุกทำลาย ถูกตักตวงมาใช้อย่างไร้ความพอดี 

ดังนั้น คุณสาวๆ ยุคใหม่ที่มีหัวใจรักษ์โลก รักประเทศไทย และอยากเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยกันดูแลประเทศของเราให้ปลอดจากภัยพิบัติอันเกิดจากน้ำมือมนุษย์ จึงควรหันมาช่วยกันดูแลป่า ดูแลธรรมชาติ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วก็คือการดูแลชีวิตของเราเอง 

• ตื่นเช้าเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท เพื่อลดความอบอ้าวในตอนกลางวัน ทำให้ห้องเย็นเร็วขึ้นในตอนกลางคืน และลดภาระเครื่องปรับอากาศ

• ทำอาหารกินเอง ช่วยลดปริมาณขยะ ลดปริมาณการผลิตในภาคอุตสาหกรรม ลดค่าใช้จ่าย และได้กินอาหารที่สะอาดและสดใหม่

• ลดการบริโภคอาหารแปรรูป เพราะอาหารเหล่านี้ต้องผ่านกระบวนการผลาญพลังงานมาไม่รู้เท่าไร กว่าจะตกถึงท้องเรา แถมยังให้คุณค่าสารอาหารไม่คุ้มเสียสุขภาพ

•  กินผักผลไม้ตามฤดูกาลมากขึ้น กินเนื้อสัตว์ให้น้อยลง จะได้ไม่เป็นการบังคับให้โรงงานอุตสาหกรรมเร่งผลิตแบบผิดธรรมชาติ จนเกิดโทษต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพและความงามของเรา

• ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้ก่อนออกจากบ้าน ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้เกือบ 30 ล้านตันต่อปี

• หันมาใช้สินค้าและบริโภคอาหารที่ผลิตในประเทศ ช่วยลดพลังงานจากการขนส่งข้ามทวีป และยังช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย ไม่ให้เม็ดเงินรั่วไหลออกนอกประเทศ

• พกถุงผ้าติดตัวสำหรับใส่ของช้อป ยิ่งเป็นของกระจุกกระจิก ยิ่งสะดวกกว่าหิ้วถุงพลาสติกหรือถุงกระดาษหลายๆ ใบ แถมยังไม่เสียภาพลักษณ์อีกด้วย

•  หาเวลารื้อค้นข้าวของเก่าเก็บขายซาเล้ง ช่วยกระจายรายได้ ทำให้เกิดกระบวนการรีไซเคิล และลดเชื้อโรคในบ้าน

•  ปลูกต้นไม้ดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จะเป็นไม้พุ่ม ไม้ยืนต้น หรือไม้ดอกไม้ประดับก็ได้ผลดีเช่นกัน

• เดิน แทนการใช้รถยนต์หรือลิฟต์ นอกจากจะช่วยลดปริมาณการใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ยังช่วยลดเซลลูไลต์และเส้นเลือดขอดที่ขาเป็นของแถม

นอกจากนี้ ปัจจุบันหน่วยงานภาครัฐและเอกชนยังมีโครงการปลูกป่าทดแทนตามภูมิภาคต่างๆ ของประเทศ ซึ่งบางองค์กรก็เปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปได้เข้าร่วมกิจกรรมโดยแทบไม่เสียค่าใช้จ่าย จึงอาจเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่เราจะได้แสดงพลัง ร่วมกันฟื้นฟูป่าไม้ของประเทศ ให้กลับมาเป็นหลักสำคัญในการป้องกันภัยพิบัติทางธรรมชาติได้อีกครั้ง

แหม..เกิดเป็นสาวยุคใหม่ทั้งที ก็ต้องสวยทั้งรูปกายภายนอก และมีจิตใจที่งดงามน่าชื่นชมแบบนี้แหละค่ะ