เนื้อหาวันที่ : 2012-02-27 14:09:32 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 3561 views

EPCO เดินหน้าลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์

ผถห. EPCO พร้อมใจอนุมัติลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 10 เมกะวัตต์ ก่อสร้างเสร็จมิ.ย.นี้ พร้อมจ่ายไฟและรับรู้รายได้ตั้งแต่ ก.ค.2555

          ผถห. EPCO พร้อมใจอนุมัติลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ก่อสร้างเสร็จมิ.ย.นี้ พร้อมจ่ายไฟและรับรู้รายได้ตั้งแต่ ก.ค.2555 IFA คาดปี 55 มีกำไรจากการขายไฟฟ้า 37.41-46.36 ลบ./ส่วนปี 56 รับรู้เต็มที่ 77.40-95.39 ลบ.
 
          ผู้ถือหุ้น EPCO พร้อมใจอนุมัติแผนลงทุนดำเนินการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 10 เมกะวัตต์ ซึ่งได้ Adder ที่ราคา 8 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง เป็นเวลา 10 ปี มองเห็นผลดีที่เกิดต่อ EPCO ทั้งช่วยในเรื่องการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจไปสู่ธุรกิจที่มีความมั่นคง ซึ่งโครงการนี้จะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่เดือน ก.ค.2555 เป็นต้นไปหลังจากส่งไฟฟ้าขายให้ กฟภ. ได้ในช่วงปลายเดือนมิ.ย.นี้ ทางด้าน IFA ประเมินปีนี้จะมีกำไรจากการขายไฟฟ้าในช่วง 37.41-46.36 ล้านบาท ส่วนปี 2556 รับรู้รายได้เต็มที่คาดอยู่ในช่วง 77.40-95.39 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลให้ EPCO มีกำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้น เฉลี่ย 0.14 บาท

          นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน)(EPCO) เปิดเผยว่าที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2555 ได้ลงมติอนุมัติให้สัตยาบรรณในการให้บริษัทฯ เข้าซื้อหุ้นใน สัดส่วนร้อยละ 100 และรับโอนสิทธิเรียกร้องทั้งหมดที่ บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ วิศวการ จำกัด (มหาชน) (IFEC) มีต่อ บริษัท ไอเฟค กรีน เพาเวอร์ พลัส จำกัด (IFEC GP) ซึ่งถือหุ้นเกินกว่า 98%ในบริษัทย่อย ได้แก่

บริษัท เจเคอาร์ พลังงาน จำกัด (JKR) และ บริษัท อาร์พีวี พลังงาน จำกัด (RPV)และกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินอันเกี่ยวข้อง กับโครงการผลิตพลังงานไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ จำนวน 10 เมกะวัตต์ ที่อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมกันนี้ได้พิจารณาอนุมัติการเข้าทำรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทฯ ในการลงทุนก่อสร้างโรงงานไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ด้วย

          ประธานกรรมการ EPCO กล่าวต่อว่า การลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ดังกล่าว เกิดจากการเล็งเห็นถึงโอกาสในการขยายการดำเนินธุรกิจของ EPCO จากการประกอบธุรกิจหลักที่เป็นผู้ผลิตสิ่งพิมพ์ที่ดำเนินธุรกิจโรงพิมพ์ในลักษณะการให้บริการครบวงจร ไปยังธุรกิจโรงไฟฟ้าที่สามารถคาดการณ์รายได้ในอนาคตได้อย่างชัดเจน และได้รับการสนับสนุนจากนโยบายของภาครัฐ ตลอดถึงการสร้างประโยชน์จากสภาพคล่องที่มีอยู่ในมือของ EPCO

อีกทั้งการเข้าทำรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์จากการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์นี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นของ EPCO ที่จะก้าวเข้าไปสู่ธุรกิจพลังงานทดแทนด้านอื่นๆในอนาคต อาทิเช่นโครงการผลิตไฟฟ้าจากขยะชุมชน (Waste to Energy) โครงการผลิตไฟฟ้าจากแรงลม (Wind Power) และโครงการผลิตไฟฟ้าจาก ชีวมวล (Bio Mass) และก๊าซชีวภาพ (Bio Gas) ซึ่งจะเป็นการช่วยเพิ่มรายได้และกำไรให้กับ EPCO ได้ในอนาคต

          “ผู้ถือหุ้นของ EPCO ได้อนุมัติโครงการลงทุนในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจของผู้ถือหุ้นที่มีต่อโครงการที่จะลงทุนและเชื่อมั่นในความตั้งใจของคณะผู้บริหารว่ามีเป้าหมายที่จะสร้างฐานที่แข็งแรงและมั่นคงให้เกิดกับ EPCO ซึ่งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 10 เมกะวัตต์ มีกำหนดก่อสร้างเสร็จและจำหน่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.)ได้ภายในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ และจะทำให้ EPCO เริ่มรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าตั้งแต่เดือน ก.ค.2555 เป็นต้นไป

ทั้งนี้กำไรที่เพิ่มขึ้นมาจากการขายไฟฟ้าในปีนี้ทาง IFA ประเมินว่าจะอยู่ในช่วงระหว่าง 37.41-46.36 ล้านบาท ซึ่งเป็นการรับรู้เพียงครึ่งปีเท่านั้น และในปี 2556 จึงจะรับรู้ได้เต็มที่ ทั้งนี้กำไรที่เพิ่มขึ้นจะเป็นส่วนบวกเพิ่มเติมจากธุรกิจสิ่งพิมพ์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน น่าจะทำให้ผู้ถือหุ้นได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงไปในทางบวกที่น่าตื่นเต้น และเป็นการสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจอย่างมาก”

          ก่อนหน้านี้ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ(IFA)ได้ประเมินผลตอบแทนจากการลงทุนของโครงการสำหรับระยะเวลาดำเนินการ 25 ปี ที่ร้อยละ 80 ของประสิทธิภาพในการผลิตพลังงานไฟฟ้าตามปกติ (Normal Power) ของแผงเซลล์แสงอาทิตย์แบบ Thin Film ชนิด Amorphous Silicon ที่ได้รับการประกันประสิทธิภาพตลอดอายุการใช้งาน 25 ปี จากโรงงานผู้ผลิต ปริมาณพลังงานไฟฟ้ารวมที่คาดว่าจะผลิตได้เต็มที่ (ร้อยละ 100) จะอยู่ที่ประมาณ 368,820,254 กิโลวัตต์-ชั่วโมง

ซึ่งคาดว่าจะทำให้อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนของส่วนผู้ถือหุ้น (Equity IRR) ตามสัดส่วนการลงทุนของ EPCO ในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์นี้ อยู่ที่ประมาณร้อยละ 13.83-18.24 ต่อปี พร้อมกันนี้ได้ประเมินว่ากำไรสุทธิที่จะได้รับจากการขายไฟฟ้าในปี 2555 จะอยู่ในช่วงระหว่าง 37.41-46.36 ล้านบาท และในปี 2556 ที่รับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าได้เต็มปีจะมีกำไรสุทธิในช่วงระหว่าง 77.40-95.39 ล้านบาท