นายณัฐชาติ จารุจินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับนายมัทซุฮิโระ โซโนดะ ประธานบริษัทโตโยต้ามอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และผู้บริหารบริษัท ถึงแนวทางการผลิตรถยนต์ที่มีการติดตั้งเครื่องยนต์เอ็นจีวีในโรงงาน (เรโทรฟิท) ว่า ทางโตโยต้าต้องการความมั่นใจในเรื่องการจัดหาปริมาณก๊าซเอ็นจีวี แผนการขยายปั๊มเอ็นจีวี ว่าจะเป็นไปตามแผนหรือไม่ รวมถึงคุณภาพของเนื้อก๊าซที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อเครื่องยนต์ เพื่อบริษัทจะตัดสินใจผลิตรถโรโทรฟิทออกมาในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ โดยจะเริ่มผลิตรถรุ่นโคโรล่าออกมาก่อน

"เบื้องต้นเข้าใจว่าทางโตโยต้าคงจะผลิตเพื่อรองรับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นแท็กซี่ก่อน ซึ่งจะสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐที่จะมีการประกาศให้รถแท็กซี่ใหม่ต้องใช้เอ็นจีวีเป็นเชื้อเพลิงเท่านั้น ขณะนี้กำลังรอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อยู่ คาดว่าเบื้องต้นน่าจะมีแท็กซี่เอ็นจีวีใหม่มาทดแทนรถเก่าได้ประมาณ 8,000 คัน" นายณัฐชาติกล่าว และว่า นอกจากนี้ทางโตโยต้ายังแจ้งให้ทราบว่ามีแผนที่จะผลิตรถปิคอัพรุ่นไฮลักซ์เป็นเครื่องยนต์เบนซิน ซึ่งถือเป็นเรื่องดีเพราะหากผู้ใช้สนใจเปลี่ยนเป็นเอ็นจีวีก็มีค่าใช้จ่ายถูกกว่าเครื่องยนต์ดีเซล

นายณัฐชาติกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม การผลิตรถเรโทฟิทยังมีปัญหาในรายละเอียดอยู่ โดยกรมสรรพสามิตระบุว่าช่องเติมก๊าซจะต้องเป็นจุดเดียวกับช่องเติมน้ำมัน จึงจะได้รับส่วนลดทางภาษีซึ่งในทางปฏิบัติทำได้ยาก และไม่น่าจะเป็นประเด็นสำคัญ ทางบริษัทรถยนต์จึงต้องไปหารือกับทางกรมสรรพสามิตว่าจะสามารถให้ช่องเติมน้ำมันอยู่ในจุดอื่นได้หรือไม่ เช่น ท้ายรถ หรือหน้ารถ เป็นต้น

"ปตท.ได้ยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนทั้งการขยายปั๊ม และราคาว่าจะไม่ปรับขึ้นในช่วงปีนี้ และหากพบว่าการใช้ยังมีน้อย ก็จะอาจจะเลื่อนการปรับราคาออกไปอีก แม้ว่าหากจะให้คุ้มทุนแล้ว ราคาเอ็นจีวีต้องอยู่ที่ระดับ 11.50-12 บาทต่อกิโลกรัมก็ตาม จากปัจจุบันที่ยังอยู่ที่ 8.50 บาทต่อกิโลกรัม" นายณัฐชาติกล่าว

ที่มา : มติชน