เนื้อหาวันที่ : 2011-12-07 11:17:28 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2660 views

บีเอ็มดับเบิลยูโชว์รถยนต์ 3 รุ่นใหม่ในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป

บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทยเปิดตัวรถยนต์ BMW 640i Coupe BMW 520d Touring และ MINI Cooper S Coupe ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 28

          บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย เปิดตัว BMW 640I Coupe, BMW 520d Touring และ MINI Cooper S Coupe พร้อมมอบข้อเสนอพิเศษสำหรับผู้ซื้อรถในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 28

          บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทยประกาศเปิดตัวรถยนต์ BMW 640i Coupe (ราคา 8,599,000 บาท) และ BMW 520d Touring (ราคา 4,999,000 บาท) และ MINI Cooper S Coupe ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 28 พร้อมทั้งจัดแสดงรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิทั้งหมดกว่า 20 รุ่น

          BMW 640i Coupe
          เครื่องยนต์ 6 สูบ 3.0 ลิตร 320 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,300-4,500 รอบสุดยอดแห่งสมรรถนะ ด้วยเทคโนโลยี EfficientDynamics

          BMW 640i Coupe (ราคาเริ่มต้นที่ 8,599,000 บาท) มาพร้อมเครื่องยนต์แบบ 6 สูบ ความจุ 3.0 ลิตร ผลิตจากวัสดุอลูมิเนียมน้ำหนักเบาพร้อมด้วยเทคโนโลยีอัดอากาศแบบเทอร์โบแปรผันและเทคโนโลยีระบบฉีดน้ำมันด้วยหัวฉีด Piezo สามารถผลิตแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตรที่รอบเครื่องยนต์ 1,300-4,500 รอบและกำลังสูงสุด 320 แรงม้า

ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8HP Sports Automatic 8 สปีด มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในเวลาเพียง 5.4 วินาที อีกทั้งยังมีความประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยอดเยี่ยม BMW 525d มีอัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่ย 13.2 กิโลเมตรต่อลิตร และอัตราการคายไอเสียคาร์บอนไดอ๊อกไซด์เพียง 177 กรัมต่อกิโลเมตร ตามมาตรฐานการวัดค่าเฉลี่ย EU

          BMW 640i Coupe เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์มาตรฐานต่างๆ ทั้งด้านความปลอดภัยและอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ยกตัวอย่างเช่น ระบบไฟหน้าแบบ Bi-Xenon พร้อมด้วยระบบ Headlight Beam-throw Control ที่ทำหน้าที่ปรับลำแสงของไฟหน้าตามระดับความเร็ว ในขณะที่ระบบ Adaptive LED Headlights ทำหน้าที่ปรับมุมการส่องสว่างตามการหักเลี้ยวของพวงมาลัย ทั้งนี้เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ยามค่ำคืน, ระบบรักษาเสถียรภาพ DSC Dynamic Stability Control พร้อมฟังก์ชั่นระบบ Driving Experience Control ที่สามารถให้ผู้ขับขี่เลือกโหมดในการขับขี่ได้ทั้งแบบ Comfort, Sport, Sport+ และ Eco Pro เพียงปลายนิ้วสัมผัส

          นอกจากนี้ระบบ BMW Head-Up Display ยังได้รับการพัฒนาอีกขั้น เพื่อการแสดงผลที่ชัดเจนและอ่านได้ง่าย โดยที่ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากถนนมามองที่หน้าปัดรถยนต์อีกต่อไป ข้อมูลที่สำคัญ เช่น ความเร็ว ระดับน้ำมัน หรือแม้แต่เส้นทางที่ปรากฏจาก BMW Navigation จะได้รับการถ่ายทอดลงตามระดับสายตาของผู้ขับขี่ เพื่อการเดินทางที่ปลอดภัยสูงสุด

          ส่วนในด้านของอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเพิ่มความสบาย BMW 640i ก็มีให้อย่างครบครัน ยกตัวอย่างเช่นระบบ Comfort Access ที่สามารถเปิด-ปิดล็อคและสตาร์ทรถเพียงแค่พกกุญแจไว้, ระบบนำทาง BMW Navigation System Professional ที่มีฮาร์ดดิสก์สำรองไว้ให้สำหรับเก็บข้อมูลไฟล์เพลง mp3, ระบบ Bluetooth เชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ และระบบเครื่องเสียงไฮไฟ พร้อม TV function

          BMW 520d Touring Sport
          เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูง 2.0 ลิตร 184 แรงม้า แรงบิด 380 นิวตัน-เมตร ที่ 1,900-2,750 รอบบรรทัดฐานแห่งสมรรถนะ ความประหยัดน้ำมัน และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

          BMW 520d Touring Sport (ราคา 4,999,000) มาพร้อมกับเครื่องยนต์ Advanced Diesel ขนาด 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร ผลิตจากวัสดุอลูนิเนียมน้ำหนักเบาพร้อมด้วยเทคโนโลยีอัดอากาศแบบเทอร์โบแปรผันและเทคโนโลยีระบบฉีดน้ำมันด้วยหัวฉีดแม่เหล็กไฟฟ้า สามารถผลิตแรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตรที่รอบเครื่องยนต์ 1,900-2,750 รอบ และกำลังสูงสุด 184 แรงม้า

ส่งกำลังผ่านระบบเกียรตอัตโนมัติ 8HP 8 สปีด มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในเวลาเพียง 8.3 วินาที อีกทั้งยังมีความประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยอดเยี่ยม BMW 520d Touring Sport มีอัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่ย 19.9 กิโลเมตรต่อลิตร และอัตราการคายไอเสียคาร์บอนไดอ๊อกไซด์เพียง 139 กรัมต่อกิโลเมตร ตามมาตรฐานการวัดค่าเฉลี่ย EU

          BMW 520d Touring Sport มาพร้อมกับอุปกรณ์มาตรฐานต่างๆ ทั้งด้านความการดีไซน์ในรูปลักษณ์ที่คงความเป็นสปอร์ตทัวริ่ง โดยได้รับการตกแต่งด้วยชุดแต่ง M Sport Package ที่มาพร้อมกับล้อ M Alloy Wheel Double Spoke 18” พร้อมยางรันแฟลท เพื่อความปลอดภัยสูงสุดในทุกรูปแบบของการขับขี่

นอกจากนี้ อุปกรณ์เพื่อความสะดวกอื่นๆ เช่นระบบ Comfort Access ที่สามารถเปิด-ปิด สตาร์ทรถ และล็อครถ เพียงแค่พกกุญแจไว้, ระบบ Ambient Light ที่ช่วยเพิ่มบรรยากาศการขับขี่ยามค่ำคืน, ระบบปรับอากาศแบบ climate Control พร้อมระบบกรองอากาศ Microfiber และ Active Carbon Filter, ระบบ Bluetooth เชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ และระบบความคุมสั่งการ iDrive เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ทำให้ BMW 520d Touring Sport รุ่นนี้ มีความเป็นเอกลักษณ์สำหรับการใช้งานในทุกรูปแบบของการขับขี่


          MINI Cooper S Coupe
          เครื่องยนต์ 4 สูบ 1.6 ลิตร 184 แรงม้า แรงบิด 240 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-5,000 รอบ บรรทัดฐานแห่งสมรรถนะ ความประหยัดน้ำมัน และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

          เครื่องยนต์ของ MINI Cooper S Coupe ได้มีการผนวกรวมระบบอัดอากาศ Twin-Scroll Turbo และระบบวาล์วแปรผันอัจฉริยะ VALVETRONIC เข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งต่างก็เป็นสุดยอดเทคโนโลยีระบบป้อนอากาศเข้าสู่เครื่องยนต์ จึงเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ของ MINI Cooper S ซึ่งเป็นสุดยอดอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ทั้งในแง่ของสมรรถนะ ประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน และการลดการคายไอเสีย

          เทคโนโลยีระบบอัดอากาศ Twin-Scroll Turbo ใช้หลักการแบ่งทางเดินไอเสียเป็นสองช่อง โดยทั้งสองช่องจะทำงานสอดประสานกัน สร้างแรงดันของไอเสียให้อยู่ในระดับ สูงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่รอบค่ำ เพื่อป้อนเป็นพลังงานขับเคลื่อนใบพัดของระบบเทอร์โบได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ระบบ Twin-Scroll Turbo จึงเป็นระบบเทอร์โบเดี่ยวที่สามารถให้กำลังอัดอากาศสูงและต่อเนื่องเสมือนกับใช้ระบบเทอร์โบคู่ ซึ่งนอกจากจะมีขนาดกะทัดรัดซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับรถขนาดเล็กอย่างมินิแล้ว ยังเป็นการประหยัดพลังงานโดยเฉพาะในเรื่องของระบบหล่อเย็นของเทอร์โบอีกด้วย

ส่วนระบบวาล์วแปรผันอัจฉริยะ VALVETRONIC ซึ่งมีความสามารถกำหนดระยะเปิด-ปิดและระยะเวลาการเปิดวาล์วอากาศได้แปรผันต่อเนื่องตลอดทุกช่วงรอบตามความต้องการของเครื่องยนต์ทำให้สามารถป้อนอากาศเข้าสู่เครื่องยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด การทำงานของทั้งสองระบบดังกล่าวอย่างควบคู่กัน จะส่งผลให้เครื่องยนต์สามารถผลิตกำลังตอบสนองความต้องการในทุกรูปแบบการขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

          ผลลัพธ์ที่ได้คือ MINI Cooper S Coupe ที่มีประสิทธิภาพทั้งในด้านสมรรถนะการขับขี่และประสิทธิภาพความประหยัดน้ำมันและลดการคายไอเสีย ด้วยระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด MINI Cooper S Coupe พร้อมเครื่องยนต์ที่มีกำลังสูงสุด 184 แรงม้านี้ สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลาเพียง 7.1 วินาที และสามารถทำอัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่ยได้ที่ 15.6 กิโลเมตรต่อลิตร อีกทั้งค่าเฉลี่ยอัตราการคายไอเสียคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ต่ำเพียง 149 กรัมต่อกิโลเมตร ตามมาตรฐานการวัดค่าเฉลี่ย EU