เนื้อหาวันที่ : 2011-09-23 09:24:40 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 916 views

รมต.แรงงานเน้นทำงานเชิงรุก-โปร่งใสเร่งพัฒนาแรงงานรับ AEC

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานมอบนโยบายเน้นการบริหารงบประมาณทุกหน่วยต้องโปร่งใส และต้องพัฒนาฝีมือแรงงานเพื่อพร้อมในการแข่งขันในในปี 58  พร้อมปล่อยขบวนรถแพทย์เคลื่อนที่ไปให้บริการประชาชนที่ประสบภัย

นายเผดิมชัย  สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยหลังการมอบนโยบายให้กับผู้บริหารระดับสูงในวันนี้ (22ก.ย.54)ว่าได้ทำความเข้าใจถึงการทำงานร่วมกันในงบประมาณปี 2555เพื่อให้เป็นไปตามกรอบนโยบายของรัฐบาลและให้สอดคล้องกับกระทรวงแรงงาน โดยมีวาระเร่งด่วน 1 ปีที่ต้องดำเนินการ และอีก 4 ปีจะต้องดำเนินการอย่างไร โดยต้องทำงานเชิงรุกและต้องมีความโปร่งใส และคุ้มค่ากับการลงทุน ตรวจสอบได้ สิ่งที่ต้องการให้เน้นคือ ในปี 2558 จะเป็นปีแห่งการเปิดเสรีทางการค้า หรือประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน กระทรวงแรงงาน

โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงานจะต้องเตรียมความพร้อมในการพัฒนาฝีมือแรงงานให้เป็นที่ยอมรับของนายจ้าง และเพื่อให้นายจ้างเห็นว่าคุณภาพฝีมือแรงงานของลูกจ้างนั้น สามารถเพิ่มผลิตผลให้กับนายจ้างได้ และในส่วนของลูกจ้างที่มีคุณภาพฝีมือก็จะต้องได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายด้วย  และในส่วนของงบประมาณปีก็ได้มีการขอเพิ่มในส่วนของกรมพัฒนาฝีมือแรงงานและกรมการจัดหางาน เพื่อใช้ในการพัฒนาฝีมือแรงงาน พัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ในการให้บริการจัดหางาน 

ส่วนกรมจัดหางานก็จะต้องมีกิจกรรมมากขึ้น เพื่อจัดสรรตำแหน่งงานให้สอดคล้องกับความต้องการของแรงงานและจะทำงานร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการและกรมอาชีวะและภาคส่วนราชการอื่นๆด้วย เพื่อศึกษาและติดตามว่าความต้องการของตลาดแรงงานว่าต้องการแรงงานประเภทใดเพื่อจะได้พัฒนาฝีมือให้ตรงกับความต้องการและจะได้ปรับตัวให้ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานได้อย่างเหมาะสม  โดยต้องทำงานเชิงรุกให้มาก  

นอกจากนี้จะเปิดโอกาสให้กับผู้ต้องขัง โดยกระทรวงแรงงานจะทำงานร่วมกับกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์และกระทรวงสาธารณสุข ในการพัฒนาฝีมือแรงงานให้กับผู้ต้องขังที่ติดยาเสพติด และให้กรมการจัดหางานประสานหางานให้ภายหลังจากที่ผู้ต้องขังออกจากเรือนจำ หรืออยู่ระหว่างการคุมประพฤติ เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้กับผู้ติดยาเสพติดเหล่านี้สามารถกลับเข้าสู่สังคมและเป็นที่ยอมรับและไม่หันไปเสพยาอีก โดยกรมควบคุมความประพฤติก็จะเป็นผู้ติดตามคุมประพฤติ  โดยตนเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ตนจะทำและจะทำให้ได้

สำหรับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมนั้น กระทรวงแรงงานได้บริจาคเงินจำนวนกว่า 3 ล้านบาทไปให้การช่วยเหลือและในวันนี้ก็ได้มีการปล่อยขบวนรถโครงการให้บริการทางการแพทย์นอกสถานพยาบาลในช่วงที่ประชาชนประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติและหลังจากเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ   เพื่อไปให้บริการแก่ผู้ประกันตนที่ไม่สามารถเดินทางมารับบริการทางการแพทย์ที่สถานพยาบาลได้และเป็นการช่วยเหลือฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจของผู้ประกันตนที่ประสบภัยอีกทางด้วย

นอกจากนี้กระทรวงแรงงานยังได้ขอความร่วมมือไปยังนายจ้างในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยว่าอย่าได้มีการเลิกจ้างและขอให้ผ่อนปรนเรื่องเวลาการเข้างานให้กับลูกจ้าง และยังได้มีมาตรการภายหลังน้ำลดในการเข้าไปให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยทั้งในเรื่องการจ้างงานเร่งด่วนเพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับลูกจ้างหรือผู้ว่างงาน ซึ่งจะจ้างไม่เกินคนละ 20 วัน เพื่อกระจายให้ทุกคนได้มีโอกาสทำงาน เนื่องจากมีงบประมาณอยู่จำกัด   และกรมพัฒนาฝีมือแรงงานจะลงไปช่วยเหลือในการการปรับปรุง ซ่อมแซมบ้านที่ได้รับความเสียหาย  ซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าอีกด้วย

นายเผดิมชัยฯ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องค่าจ้าง 300 บาทนั้น ได้ทำความเข้าใจกันทุกฝ่ายแล้วและทุกฝ่ายก็รับได้   โดยถือว่าค่าจ้างไม่ได้ขึ้นเพียง 7 จังหวัดเท่านั้นแต่ขึ้นพร้อมกันทั้ง 77 จังหวัดในอัตรา 40% เท่ากันและจะขึ้นได้ครบ 300 บาทเท่ากันทั่วประเทศภายใน 1 ปี 

การช่วยเหลือนายจ้างรัฐบาลก็มีมาตรการในการช่วยเหลือด้านมาตรการภาษี ส่วนลูกจ้างก็จะมีการพัฒนาฝีมือแรงงานโดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงานจะเข้าไปดำเนินการ และนายจ้างสามารถนำไปหักภาษีได้ถึง 200% ส่วนที่ว่าเมื่อขึ้นค่าจ้างเป็น 300 บาททั่วประเทศแล้วจะไม่ขึ้นต่อไปอีก 3 ปีนั้นจะต้องไปดูข้อกฎหมายก่อน