เนื้อหาวันที่ : 2011-09-12 13:57:31 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1193 views

ภาวะเศรษฐกิจประจำวันที่ 12 ก.ย. 2554

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ชี้ภาคการท่องเที่ยวยังมีบทบาทสำคัญช่วยเศรษฐกิจขยายตัว จากจำนวนนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวจีนที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ความเสี่ยงภาวะเงินเฟ้อยังน่าเป็นห่วง เชื่อการตรึงราคาสินค้าบางประเภทช่วยลดแรงกดดันได้

1. วันชาติจีนท่องเที่ยวไม่คึกคัก
-นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ไทย-จีน หรือทีซีทีเอ เปิดเผยว่า ช่วงวันชาติจีน 1 ต.ค. ปีนี้ จำนวนเที่ยวบินเช่าเหมาลำจากจีนมาไทยมีไม่มากอย่างที่คิด สาเหตุเพราะจำนวนนักท่องเที่ยวคนไทยที่จะไปในช่วงดังกล่าวมีจำนวนน้อยกว่าชาวจีนที่จะเดินเข้ามา ซึ่งทำให้สายการบินไม่คุ้มทุนที่จะบิน

สำหรับสาเหตุที่คนไทยเดินทางไปจีนน้อยลงอาจเนื่องจาก 2-3 ปีที่ผ่านมา คนไทยเดินทางไปเที่ยวจีนเยอะมากเพื่อไปดูกิจกรรมที่จีนเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมระดับโลกหลายงาน ทั้งนี้ ในช่วง 8 เดือนแรกปีนี้ มีชาวจีนเดินทางเข้ามาเที่ยวไทยแล้วเกือบ 1.2 ล้านคน และคาดว่าทั้งปี 54 จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาถึง 1.6 ล้านคน และพบว่าการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจีนในประเทศไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 8,000 บาทต่อคนต่อวัน

-สศค. วิเคราะห์ว่า นักท่องเที่ยวจีนเป็นอีกกลุ่มที่เข้ามาท่องเที่ยวไทยในช่วงที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่อง โดยจำนวนนักท่องเที่ยวจีนคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 7.0 ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่เข้ามาเที่ยวไทย และหากพิจารณาจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วง 8 เดือนแรกของปี 54 มีจำนวนทั้งสิ้น 12.9 ล้านคน คิดเป็นอัตราการขยายตัวร้อยละ 27.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งสะท้อนภาคการท่องเที่ยวต่างประเทศยังคงมีบทบาทสำคัญในการช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย

2. พาณิชย์สั่งตรึงราคาเนื้อไก่
-อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า เบื้องต้นกรมการค้าภายในไม่ได้ขอความร่วมมือให้ปรับลดราคาเนื้อไก่ เพราะทราบว่าต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้นจากปริมาณผลผลิตที่ลดลง รวมทั้งวัตถุดิบอาหารสัตว์มีราคาแพง แต่ได้ขอความร่วมมือให้ตรึงราคาเนื้อไก่ออกไปอีกระยะหนึ่ง ทั้งนี้หลังจากได้ตรวจสอบภาวะต้นทุนอย่างละเอียดแล้วกรมการค้าภายในเห็นว่าราคาจำหน่ายที่เหมาะสมในส่วนของ ไก่มีชีวิตหน้าฟาร์ม ควรจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 55 บาท ภาคเหนือบวก 2 บาท ภาคอีสานบวก 3 บาท และภาคใต้บวกไปอีก 5 บาท

อย่างไรก็ตาม คาดว่าอีก 2 เดือน สถานการณ์จะดีขึ้นเพราะฝนตกชุก อาหารธรรมชาติมีมากขึ้น ความต้องการก็น่าจะชะลอตัวลง ถึงตอนนั้นจะมีการทบทวนราคาแนะนำอีกครั้ง นอกจากนี้ยังได้ขอความร่วมมือให้จำหน่ายไก่ภายในประเทศมากขึ้นเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการแต่ก็ไม่ได้ห้ามส่งออก

-สศค. วิเคราะห์ว่า จากสถานการณ์เงินเฟ้อล่าสุด ในดือน ส.ค. 54 อยู่ที่ระดับร้อยละ 4.3 ซึ่งเป็นอัตราเงินเฟ้อที่สูงที่สุดในรอบ 35 เดือน โดยเป็นผลมาจากการปรับตัวสูงขึ้นของราคาน้ำมัน ราคาเนื้อสัตว์ และราคาสินค้าอาหารสำเร็จรูปเป็นสำคัญ โดยหมวดเนื้อสัตว์ประเภทเป็ดและไก่ มีสัดส่วนประมาณร้อยละ 1 ในตะกร้าสินค้า ซึ่งในเดือนล่าสุด มีการปรับราคาสูงขึ้นถึงร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ การตรึงราคาเนื้อไก่จะช่วยลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่อยู่ในช่วงขาขึ้นในอนาคต โดยทั้งปี 54 สศค.คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปโดยเฉลี่ยอยู่ที่ระดับร้อยละ 3.8 (ประมาณการ ณ มิ.ย. 54)

3. ดัชนีราคาค้าส่งเดือนส.ค. 54 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6
-ธนาคารกลางญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ดัชนีราคาค้าส่งเดือน ส.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำสถิติเพิ่มขึ้น 11 เดือนหรือปรับตัวลดลงร้อยละ 0.2 จากเดือนก่อน นอกจากนี้ ยังแสดงถึงวิตกเกี่ยวกับการแข็งค่าของเยนในปัจจุบันเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐและสกุลเงินสำคัญอื่นๆ

-สศค. วิเคราะห์ว่า ดัชนีราคาค้าส่งในเดือน ส.ค. 54 อยู่ที่ระดับ 105.5 จุด ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ลดลงและต้นทุนนำเข้าที่ต่ำลงจากเงินเยนที่แข็งค่าขึ้น ทั้งนี้ การปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาค้าส่งทำให้ราคาสินค้าขั้นสุดท้ายภายในประเทศญี่ปุ่นในเดือน ส.ค. 54 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สอดคล้องกับดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือน ก.ค. 54 ยังทรงตัวอยู่ที่ร้อยละ 0.2 ทำให้ธนาคารกลางญี่ปุ่นยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 0 - 0.1