เนื้อหาวันที่ : 2011-09-06 09:37:53 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2387 views

เชาว์ สตีลฯ ยื่นไฟลิ่งขาย 200 ล้านหุ้น จ่อเข้าเอ็ม เอ ไอ

เชาว์ สตีลฯ เดินหน้าขายหุ้น IPO 200 ล้านหุ้น เตรียมเข้าตลาดเอ็ม เอ ไอ เชื่อนักลงทุนตอบรับดี หลังผลิตภัณฑ์เหล็กได้รับมาตรฐานระดับโลก

          เชาว์ สตีลฯ เดินหน้าขายหุ้น IPO 200 ล้านหุ้น เตรียมเข้าตลาดเอ็ม เอ ไอ เชื่อนักลงทุนตอบรับดี หลังผลิตภัณฑ์เหล็กได้รับมาตรฐานระดับโลก

          “เชาว์ สตีล อินดัสทรี้” ยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. เพื่อเตรียมเสนอขายหุ้น IPO 200 ล้านหุ้น และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ภายในสิ้นปีนี้ ผู้บริหารมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี เนื่องจากสินค้าของบริษัทฯ ได้รับการยอมรับมาตรฐานในระดับโลก มีความคล่องตัวสูง

อีกทั้งหลังรัฐบาลใหม่กระตุ้นการลงทุนในระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน รวมถึงภาคอุตสาหกรรมการก่อสร้าง และอุตสาหกรรมพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลดีต่อธุรกิจเหล็กโดยตรง ประกอบกับราคาเหล็กพลิกสู่วงจรขาขึ้น พร้อมโชว์รายได้ 6 เดือนแรกปี 54 โตแบบก้าวกระโดดกว่า 2,790 ล้านบาท ขณะที่รายได้ทั้งปี 53 อยู่ที่ 3,893 ล้านบาท

          นายอนาวิล จิรธรรมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOW ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กแท่งยาวรายใหญ่ของประเทศที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในระดับสากล เปิดเผยว่า วันนี้ (5 กันยายน 2554) บริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เพื่อเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการซื้อขายหุ้นของบริษัทฯ ได้ภายในปีนี้

          ทั้งนี้ บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เหล็กแท่งยาวสำหรับนำไปแปรรูปเป็นเหล็กเพื่อการก่อสร้างได้หลายชนิด เช่น เหล็กเส้นกลม (Round Bar) และเหล็กข้ออ้อย (Deformed Bar) ซึ่งจะนำไปใช้เป็นวัสดุก่อสร้างหลักในอุตสาหกรรมการก่อสร้างต่างๆ เช่น การก่อสร้างบ้าน อาคารพาณิชย์ สะพาน เขื่อน ทางยกระดับ และอาคารสูง เป็นต้น

โดยบริษัทฯ มีกำลังการผลิตสูงสุด 730,000 ตันต่อปี อย่างไรก็ตาม ณ ปัจจุบัน บริษัทฯ มีนโยบายให้ดำเนินการผลิตในช่วงเวลาที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าต่ำ (Off-Peak Period) ซึ่งจะช่วยทำให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าที่ใช้ในการผลิตของบริษัทฯ ต่ำกว่าการดำเนินการผลิตในช่วงเวลาที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง (Peak Period) ทำให้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตเต็มที่รวมเฉพาะในช่วงเวลาที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าต่ำ เท่ากับ 450,000 ตันต่อปี

          นายอนาวิลกล่าวด้วยว่า เหล็กแท่งยาวของบริษัทฯ สามารถนำไปผลิตผลิตภัณฑ์ได้หลายลักษณะจึงสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้หลากหลายกลุ่ม จึงเป็นธุรกิจที่มีความคล่องตัวสูง โดยบริษัทฯ มีการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพโดยการใช้เครื่องจักรและเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ และได้รับประกาศนียบัตรรับรองมาตรฐานคุณภาพ ISO 9001:2000 จาก Bureau Veritas Certification ตั้งแต่ปี 2551 และปัจจุบัน เป็น ISO 9001:2008

          “บริษัทฯ เป็นเพียงหนึ่งในสองบริษัทที่มีการผลิตผลิตภัณฑ์เหล็กแท่งยาวในประเทศไทยที่เป็นสมาชิกของ LME ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายเหล็กล่วงหน้าระดับโลก จึงถือได้ว่าผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ มีมาตรฐานที่ยอมรับได้ในระดับโลก ซึ่งเป็นการเพิ่มความมั่นใจในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ภาพพจน์ และเป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ทั้งในตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ” นายอนาวิลกล่าว

          สำหรับการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปในครั้งนี้ บริษัทฯ จะเพิ่มทุนโดยนำหุ้นในส่วนที่ยังไม่ได้เรียกชำระจำนวน 200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาทออกเสนอขาย โดยบริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน 800 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 800 ล้านหุ้น และมีทุนเรียกชำระแล้ว 600 ล้านหุ้น ซึ่งการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับกิจการ

          “เรามั่นใจว่า การนำหุ้นเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในช่วงระยะเวลานี้เป็นจังหวะที่ดี เนื่องจากสภาพตลาดคึกคักขึ้น หลังจากได้รับปัจจัยสนับสนุนสำคัญจากการเร่งใช้จ่ายของภาครัฐ หลังจากที่มีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ซึ่งเชื่อว่า จะเกิดการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานเพิ่มขึ้น รวมถึง ภาคอสังหาริมทรัพย์ที่รัฐบาลมีนโยบายกระตุ้นธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรม ประกอบกับอุตสาหกรรมเหล็กก็นับได้ว่าถึงรอบของการฟื้นตัว ซึ่งทั้งหมดนี้จะส่งผลดีต่อราคาเหล็กโดยตรง รวมถึงส่งผลดีต่อบริษัทฯ ด้วย” นายอนาวิลกล่าว

          นางสาวปิ่นมณี เมฆมัณฑนา กรรมการผู้จัดการบริษัท ทริปเปิ้ล เอ พลัส แอดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บมจ.เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ กล่าวว่า บริษัทฯ มั่นใจว่า ธุรกิจของ บมจ.เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รวมถึงความต้องการใช้เหล็กในโครงการก่อสร้างที่เพิ่มมากขึ้น จะเป็นปัจจัยสนับสนุนการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต ซึ่งสะท้อนได้จากผลการดำเนินงานที่เติบโตขึ้น โดยบริษัทฯ มีรายได้รวมในปี 2553 ทั้งปีอยู่ที่ 3,893 ล้านบาท ขณะที่ช่วง 6 เดือนแรกของปี 2554 บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,790 ล้านบาท

          “รายได้ที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการดำเนินนโยบายด้านการตลาดที่ดีขึ้น และราคาตลาดของผลิตภัณฑ์เหล็กที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความสามารถในการควบคุมต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี จึงทำให้ผลการดำเนินงานเติบโตอย่างมาก ประกอบกับสภาวะตลาดที่เอื้ออำนวย ทำให้มั่นใจว่า หุ้นเพิ่มทุนของ บมจ.เชาว์ สตีล อินดัสทรี จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี” นางสาวปิ่นมณีกล่าว