เนื้อหาวันที่ : 2011-09-01 12:12:31 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1899 views

สบน.เผยก.ค. หนี้สาธารณะลดลงกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท

สบน. เผย 10 เดือนรัฐบาลชำระคืนเงินกู้กว่า 40% ของจีดีพี เดือนก.ค.หนี้สาธารณะลดลงกว่า 15,800 ล้านบาท จากหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงและหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง

นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ

          สบน. เผย 10 เดือนรัฐบาลชำระคืนเงินกู้กว่า 40% ของจีดีพี เดือนก.ค.หนี้สาธารณะลดลงกว่า 15,800 ล้านบาท จากหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงและหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง

          ผลการดำเนินการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐประจำเดือนกรกฎาคม 2554 และรายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2554

          นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ สรุปผลการดำเนินการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐประจำเดือนกรกฎาคม 2554 พร้อมทั้งรายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2554 ดังนี้

          ในเดือนกรกฎาคม 2554 กระทรวงการคลังได้กู้เงินเพื่อชดเชย การขาดดุลงบประมาณ โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลจำนวน 8,000 ล้านบาท และการกู้ให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยกู้ต่อ จำนวน 72.61 ล้านบาท ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลกู้เงินรวม 265,513.83 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 1.การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 147,437.59 ล้านบาท 2.การเบิกจ่ายเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 เพื่อดำเนินการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 จำนวน 112,940.09 ล้านบาท 3.การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ จำนวน 5,136.15 ล้านบาท

          สำหรับการกู้เงินในประเทศของรัฐวิสาหกิจ ในเดือนกรกฎาคม 2554 รัฐวิสาหกิจกู้เงินในประเทศ รวมกันทั้งสิ้น 10,491.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 7,391.14 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้การกู้เงินในประเทศของรัฐวิสาหกิจในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมามีจำนวนรวม 38,076.15 ล้านบาท

          ด้านการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาล เดือนกรกฎาคม 2554 กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ ดังนี้ 1.การออกพันธบัตรเพื่อการบริหารหนี้จำนวน 12,000 ล้านบาท เพื่อนำไปคืนเงินกู้ระยะสั้นที่กู้ในเดือนมิถุนายน 2554 ซึ่งการปรับโครงสร้างหนี้จำนวนดังกล่าวจะไม่ปรากฏในตารางที่ 3 เนื่องจากจะเป็นการนับซ้ำกับการปรับโครงสร้างหนี้ที่ได้รายงานไปแล้ว 2.การแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรเพื่อการบริหารหนี้ 10,000 ล้านบาท

3.การนำเงินทดรองจ่ายจากบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลัง (Premium FIDF 1 และ FIDF 3) ไปไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลที่ออกภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูระยะที่สอง (FIDF 3) จำนวน 1,000 ล้านบาท 4.การออกพันธบัตรชดเชยเงินเฟ้อเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 เพื่อดำเนินการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 จำนวน 40,000 ล้านบาท

          การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2554 กระทรวงการคลังดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ในประเทศเป็นวงเงินรวมทั้งสิ้น 286,549.83 ล้านบาท โดยเป็นการปรับโครงสร้างเงินกู้ชดเชยการขาดดุลงบประมาณและการบริหารหนี้ จำนวน 99,000 ล้านบาท การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างเงินกู้ชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ FIDF 3 จำนวน 76,949.83 ล้านบาท เงินกู้โครงการไทยเข้มแข็ง 2555 จำนวน 110,600 ล้านบาท

          การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจในเดือนกรกฎาคม 2554 ได้ปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศรวมกันเป็นเงิน 22,120 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมามีจำนวนรวม 70,112.77 ล้านบาท

          สำหรับการชำระหนี้ของรัฐบาล เดือนกรกฎาคม 2554 กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระหนี้โดยใช้เงินงบประมาณ รวม 15,606.78 ล้านบาท ดังนี้ 1.ชำระหนี้ในประเทศ 15,398.19 ล้านบาท โดยเป็นการชำระต้นเงิน 808.67 ล้านบาท ดอกเบี้ย 14,589.52 ล้านบาท 2.ชำระหนี้ต่างประเทศ 208.59 ล้านบาท โดยเป็นการชำระต้นเงิน 135.35 ล้านบาท ดอกเบี้ย 69.18 ล้านบาท และค่าธรรมเนียม 4.06 ล้านบาท

          ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา กระทรวงการคลังได้ชำระคืนต้นเงินกู้ ดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมรวม 164,133.25 ล้านบาท ร้อยละ 40.69 ของ GDP โดยเป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 3,000,473.78 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 1,074,088.12 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกัน 158,305.73 ล้านบาท และหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 30,525.59 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะลดลงสุทธิ 15,871.85 ล้านบาท โดยหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง และหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง 16,265.36 ล้านบาท และ 56.86 ล้านบาท ตามลำดับ

ในขณะที่หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน และหนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) เพิ่มขึ้น 352.22 ล้านบาท และ 98.15 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนหน่วยงานอื่นของรัฐนั้นไม่มีหนี้คงค้าง โดยรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงของหนี้สาธารณะ มีดังนี้

          หนี้ในประเทศ เป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลง 15,936.46 ล้านบาท โดยที่สำคัญเกิดจาก การไถ่ถอนพันธบัตรเพื่อการบริหารหนี้ 23,000 ล้านบาท  การไถ่ถอนตั๋วเงินคลัง 5,000 ล้านบาท การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล 4,500 ล้านบาท  การกู้ให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยกู้ต่อ จำนวน 5,063.54 ล้านบาท  การปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรที่ออกภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูระยะที่สอง (FIDF 3) โดยการออกพันธบัตรจำนวน 10,000 ล้านบาท เพื่อนำไปคืนเงินทดรองจ่ายจากบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลัง (Premium FIDF 1 และ FIDF 3) ในเดือนมกราคม

          หนี้ต่างประเทศ หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงลดลงจากเดือนก่อน 328.90 ล้านบาท และเมื่อคิดในรูปเงินเหรียญสหรัฐลดลง 31.70 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจาก ผลจากอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 898.81 ล้านบาท และในรูปเงินเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 8.23 ล้านเหรียญสหรัฐ  สกุลเงินยูโรได้มีการชำระคืนประมาณ 26.97 ล้านยูโร หรือคิดเป็นเงินบาทเท่ากับ 1,200.42 ล้านบาท หรือคิดเป็นเงินเหรียญสหรัฐเท่ากับ 39.04 ล้านเหรียญสหรัฐ  สกุลเงินเหรียญสหรัฐได้มีการชำระคืนประมาณ 0.89 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินบาทเท่ากับ 27.29 ล้านบาท

          หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน หนี้ในประเทศที่รัฐบาลค้ำประกัน เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลง 814.49 ล้านบาท โดยเกิดจาก  1) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และการรถไฟแห่งประเทศไทยได้ออกพันธบัตร 980 ล้านบาท และ 2,000 ล้านบาท ตามลำดับ และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยและบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้ไถ่ถอนพันธบัตรหน่วยงานละ 1,000 ล้านบาท 2) รัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลค้ำประกันมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้ต่างๆ น้อยกว่า ชำระคืนต้นเงินกู้ 1,794.49 ล้านบาท

          หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลง 1,063.13 ล้านบาท โดยเกิดจาก 1) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้มีการไถ่ถอนพันธบัตร 3,876.10 ล้านบาท การไฟฟ้านครหลวงได้มีการออกพันธบัตร 2,000 ล้านบาท และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้มีการออกพันธบัตรและไถ่ถอนพันธบัตร 1,100 ล้านบาท และ 357.96 ล้านบาท ตามลำดับ 2) รัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลไม่ค้ำประกันมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้ต่างๆ มากกว่า ชำระคืนต้นเงินกู้ 70.93 ล้านบาท

          หนี้ต่างประเทศของรัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลค้ำประกันเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 612.48 ล้านบาท และเมื่อคิดในรูปเงินเหรียญสหรัฐ ลดลง 57.02 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจาก 1) ผลจากอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาท เพิ่มขึ้น 3,441.51 ล้านบาท และในรูปเงินเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 34.99 ล้านเหรียญสหรัฐ 2) สกุลเงินยูโรได้มีการชำระคืนประมาณ 6.14 ล้านยูโร หรือคิดเป็นเงินบาทเท่ากับ 273.19 ล้านบาท หรือคิดเป็นเงินเหรียญสหรัฐเท่ากับ 8.89 ล้านเหรียญสหรัฐ 3) สกุลเงินเยนได้มีการเบิกจ่ายน้อยกว่าการชำระคืนประมาณ 6,369.62 ล้านเยน หรือคิดเป็นเงินบาทเท่ากับ 2,432.84 ล้านบาท หรือคิดเป็นเงินเหรียญสหรัฐเท่ากับ 79.12 ล้านเหรียญสหรัฐ
4) สกุลเงินเหรียญสหรัฐได้มีการชำระคืนประมาณ 4 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินบาทเท่ากับ 123 ล้านบาท

          หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกันเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 1,617.36 ล้านบาท และเมื่อคิดในรูปเงินเหรียญสหรัฐ ลดลง 8.35 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจาก 1) ผลจากอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 2,360.02 ล้านบาท และในรูปเงินเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 15.80 ล้านเหรียญสหรัฐ 2) สกุลเงินยูโรได้มีการชำระคืนประมาณ 10.57 ล้านยูโร หรือคิดเป็นเงินบาทเท่ากับ 470.72 ล้านบาท หรือคิดเป็นเงินเหรียญสหรัฐเท่ากับ 15.31 ล้านเหรียญสหรัฐ 3) สกุลเงินเยนได้มีการชำระคืนประมาณ 712.01 ล้านเยน หรือคิดเป็นเงินบาทเท่ากับ 271.94 ล้านบาท หรือคิดเป็นเงินเหรียญสหรัฐเท่ากับ 8.84 ล้านเหรียญสหรัฐ

          หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) ที่เป็นหนี้ในประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าไม่มีการเปลี่ยนแปลง

          สำหรับ หนี้ต่างประเทศของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 98.15 ล้านบาท และเมื่อคิดในรูปเงินเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.13 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจาก 1) ผลจากอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 128.46 ล้านบาท และในรูปเงินเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 1.12 ล้านเหรียญสหรัฐ 2) สกุลเงินยูโรได้มีการชำระคืนประมาณ 0.46 ล้านนยูโร หรือคิดเป็นเงินบาทเท่ากับ 20.39 ล้านบาท หรือคิดเป็นเงินเหรียญสหรัฐเท่ากับ 0.67 ล้านเหรียญสหรัฐ 3) สกุลเงินเหรียญสหรัฐได้มีการชำระคืนประมาณ 0.32 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินบาทเท่ากับ 9.92 ล้านบาท

          หนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลง 56.86 ล้านบาท เนื่องจาก การลดลงของหนี้สินหมุนเวียน

          หนี้สาธารณะ จำนวน 4,263,393.22 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหนี้ต่างประเทศ 344,279.79 ล้านบาท หรือร้อยละ 8.08 และหนี้ในประเทศ 3,919,113.43 ล้านบาท หรือร้อยละ 91.92 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง และเป็น หนี้ระยะยาว 4,188,429.70 ล้านบาท หรือร้อยละ 98.24 และหนี้ระยะสั้น 74,963.52 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.76 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง