เนื้อหาวันที่ : 2011-08-29 18:07:37 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1731 views

ดัชนีอุตฯ ก.ค. หดติดลบ กำลังการผลิตอยู่ที่ 63%

สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เผย ดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตฯ ลดลงติดลบ จากอุตฯ การผลิตหลอดอิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป และการผลิตเยื่อกระดาษฉุด

          สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เผย ดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตฯ ลดลงติดลบ จากอุตฯ การผลิตหลอดอิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป และการผลิตเยื่อกระดาษฉุด

          การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.ค.2554 ติดลบเล็กน้อย การผลิตหลอดอิเล็กฯ-เสื้อผ้าสำเร็จรูป-เยื่อกระดาษ ฉุด ขณะที่กลุ่ม Hard disk drive-ยานยนต์-เครื่องปรับอากาศ ยอดผลิตและจำหน่ายกลับมาขยายตัวต่อเนื่อง

          รายงานจาก สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนกรกฎาคม 2554 ลดลง -1.11% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 63.01% อุตสาหกรรมที่ทำให้ MPI ลดลงที่สำคัญได้แก่ การผลิตหลอดอิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป และการผลิตเยื่อกระดาษ

ขณะที่ การผลิต Hard disk drive ยานยนต์ และการผลิตเครื่องปรับอากาศ กลับฟื้น ซึ่งสาเหตุหนึ่งเป็นผลมาจากความต้องการในตลาดเพิ่มมากขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยสัญญาณบวกในประเทศที่ชัดเจน เนื่องมาจากการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่เป็นไปอย่างราบรื่น พรรคการเมืองที่เป็นแกนจัดตั้งรัฐบาลเริ่มขับเคลื่อนนโยบายตามที่หาเสียงไว้ ทำให้ผู้บริโภคกลับมามีความเชื่อมั่นมากขึ้น

          การผลิตหลอดอิเล็กทรอนิกส์ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การผลิตและจำหน่ายลดลงทุกผลิตภัณฑ์ สาเหตุสำคัญเนื่องจากผลกระทบของคลื่นยักษ์สึนามิที่ถล่มประเทศญี่ปุ่นเมื่อต้นปี ทำให้บริษัทแม่หลายแห่งได้รับความเสียหายส่งผลคำสั่งซื้อชะลอชั่วขณะ จึงส่งผลต่อการผลิตและจำหน่ายลดลง โดย Other IC ,Monolitic IC และ Transistors การผลิตและส่งออกลดลง 11.0%,11.6%,4.58%,8.76%,และ 6.78%,4.22% ตามลำดับ

          เสื้อผ้าสำเร็จรูป เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การผลิตและจำหน่ายลดลง 32.6%และ25.0% ตามลำดับ เนื่องจากคำสั่งซื้อที่ลดลง โดยเฉพาะตลาดยุโรปและสหรัฐอเมริกา ที่กำลังเผชิญปัญหาทางการเงินทำให้ลูกค้าหลักในกลุ่มนี้ชะลอคำสั่งซื้อออกไป นอกจากนี้ปัจจัยที่ส่งผลต่อการผลิตและจำหน่ายลดลง คือ คำสั่งซื้อย่อยที่เคยมีอย่างต่อเนื่องลดลง

          การผลิตเยื่อกระดาษ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การผลิตและจำหน่ายลดลง 4.5% และ 6.8% ตามลำดับ เนื่องจากโรงงานผลิตขนาดใหญ่ หยุดซ่อมบำรุงเครื่องจักรประจำปี จึงส่งผลต่อการผลิตและจำหน่ายที่ลดลงดังกล่าว อย่างไรก็ตามภาพรวมทั้งปียังมีทิศทางที่ขยายตัวดี เนื่องจากความต้องการของตลาดเพิ่มสูงขึ้น

          ขณะที่ การผลิต Hard disk drive เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การผลิตและจำหน่ายเพิ่มขึ้น 6.1% และ 11.0% ตามลำดับ เนื่องจากผู้ผลิตมีการพัฒนาสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง และมีความจุที่เพิ่มขึ้น เพื่อให้สามารถใช้ได้กับเครื่องมือสื่อสารยุคใหม่ ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมแพร่หลายอยู่ในขณะนี้

          การผลิตยานยนต์ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การผลิตและจำหน่าย ทรงตัวในระดับใกล้เคียงกับเมื่อปีก่อนหลังจากติดลบหลายเดือน เนื่องจากผลพวงของคลื่นยักษ์สึนามิถล่มญี่ปุ่น ทำให้ไม่สามารถส่งชิ้นส่วนสำคัญที่มีเทคโนโลยีสูงจากบริษัทแม่มาประกอบในประเทศไทยได้ เดือนกรกฎาคมนี้ การผลิตทรงตัวอยู่ที่ 0.0% ขณะที่การจำหน่ายชะลอตัว 1.6% ส่วนแนวโน้มอุตสาหกรรมรถยนต์ทั้งปี 2554 แม้ว่าในช่วงต้นปีอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยจะได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติในประเทศญี่ปุ่น แต่ก็ถือว่ามีการฟื้นตัวที่เร็ว จึงคาดว่าปี 2554 จะมีการผลิตรถยนต์ 1,800,000 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 9.40% แบ่งเป็นการจำหน่ายในประเทศ 900,000 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 12.45% และการส่งออก 900,000 คัน เพิ่มขึ้น 0.46%

          การผลิตเครื่องปรับอากาศ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การผลิตและจำหน่าย เพิ่มขึ้น 4.4% และ 1.3% เนื่องจากผู้ประกอบการพัฒนาสินค้าและเทคโนโลยีใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั้งใน ประเทศและต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นที่ความประหยัดและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม

          สรุปตัวเลข MPI เดือนกรกฎาคม 2554 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เป็นดังนี้ ดัชนีผลผลิต (มูลค่าเพิ่ม) อยู่ที่ระดับ 188.01 ลดลง -1.11% จากระดับ 190.12 ดัชนีการส่งสินค้า อยู่ที่ระดับ 193.13 เพิ่มขึ้น 2.11% จากระดับ 189.14 ดัชนีสินค้าสำเร็จรูปคงคลัง อยู่ที่ระดับ 194.87 เพิ่มขึ้น 2.65% จากระดับ 189.84 ดัชนีผลิตภาพแรงงานในภาคอุตสาหกรรม อยู่ที่ระดับ 144.66 เพิ่มขึ้น 4.98% จากระดับ 137.80 ดัชนีแรงงานในภาคอุตสาหกรรม อยู่ที่ระดับ 118.55 ลดลง –1.88% จากระดับ 120.82 และ อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 63.01%