เนื้อหาวันที่ : 2011-07-28 09:41:21 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2299 views

CPF เชียร์รบ.ใหม่ขึ้นค่าแรงหนุนทฤษฎี 2 สูงเจ้าสัว

บิ๊ก CPF หนุนขึ้นค่าแรง 300 บาท รับจำนำข้าวเต็มที่ ชี้ตรงทฤษฎี 2 สูงเจ้าสัวซีพี มั่นใจธุรกิจปรับตัวได้ แนะรัฐหามาตรการรองรับที่ชัดเจน

          บิ๊ก CPF หนุนขึ้นค่าแรง 300 บาท รับจำนำข้าวเต็มที่ ชี้ตรงทฤษฎี 2 สูงเจ้าสัวซีพี มั่นใจธุรกิจปรับตัวได้ แนะรัฐหามาตรการรองรับที่ชัดเจน

          CPF เห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาลใหม่เรื่องการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท เงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท และรับจำนำข้าว 15,000 – 20,000 บาท เพราะตรงกับทฤษฎี 2 สูง ของคุณธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานเครือซีพี ที่ได้เคยกล่าวถึงเรื่องนี้หลายครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

          นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เราต้องยอมรับว่าโลกมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น มีผลทำให้เกิดการใช้พืชพลังงานทดแทน เช่น มันสำปะหลัง อ้อย น้ำมันปาล์ม และข้าวโพด มาผลิตไบโอดีเซลและเอทานอล ตลอดจนยางธรรมชาติก็มีความต้องการมากขึ้นด้วย มีผลทำให้พื้นที่เพาะปลูกพืชอาหารลดน้อยตามไปด้วย

          การเปลี่ยนแปลงอีกประการหนึ่งก็คือ ภาวะโลกร้อน มีผลทำให้สภาวะอากาศของโลกเปลี่ยนแปลง ดังจะเห็นได้จากการเกิดภัยพิบัติ น้ำท่วมและภัยแล้ง ทำให้การผลิตพืชผลเกษตรเสียหายรวมทั้งการเลี้ยงสัตว์เช่น ไก่ หมู และกุ้งก็เสียหายไปทั่วโลกด้วย ส่งผลให้อาหารของโลกขาดแคลนและมีราคาแพงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

          ดังนั้น ประเทศของเราจะต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนี้ โดยเฉพาะการยกระดับรายได้ของคนส่วนใหญ่ของประเทศให้เพียงพอกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นเป็นลำดับ อย่างไรก็ตาม การปรับรายได้ค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 300 บาทตามนโยบายของรัฐบาลครั้งนี้ รัฐบาลก็ควรที่จะต้องมีมาตรการรองรับอย่างชัดเจนเพื่อช่วยเหลือธุรกิจ SME ให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยอาจดำเนินการในระยะเริ่มแรกด้วยการสนับสนุนด้านการเงินในรูปแบบต่างๆตลอดจนมาตรการทางภาษีมามีส่วนชดเชยเพื่อให้ธุรกิจ SME ดำรงอยู่ได้

ส่วนธุรกิจขนาดใหญ่ ผมเชื่อว่าจะสามารถปรับตัวได้ ด้วยการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานและคนงาน ตลอดจนการลดค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆที่มีผลต่อต้นทุนการผลิต รวมทั้งมาตรการที่รัฐบาลจะให้การส่งเสริมสนับสนุนภาคธุรกิจ อาทิเช่น มาตรการทางภาษีนิติบุคคล ที่จะลดจากอัตราการจัดเก็บ 30% เหลือ 23% ซึ่งจะส่งผลดีในภาพรวมด้วย เพราะปัจจุบันอัตราการจัดเก็บของประเทศไทยสูงกว่าประเทศอื่นๆ

          นายอดิเรก กล่าวอีกว่า สำหรับ CPF เองมีแรงงานอยู่ประมาณ 40,000 คน โดยปกติเราให้ค่าจ้างที่สูงกว่าค่าจ้างขั้นต่ำตามที่รัฐบาลกำหนดอยู่แล้ว ซึ่งเราก็พร้อมที่จะปฏิบัติตามนโยบายค่าจ้างขั้นต่ำของรัฐบาลใหม่ ทั้งๆ ที่ผมในฐานะผู้บริหารก็มีความหนักใจอยู่ไม่น้อยเหมือนกันที่จะดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในทันที แต่เมื่อรัฐบาลมีเจตนาที่จะดำเนินนโยบายนี้ ทาง CPF เองก็พร้อมและมีความยินดีสนับสนุนเพื่อที่จะทำให้คนส่วนใหญ่ของประเทศไทยได้รับผลประโยชน์สูงสุด ที่ผ่านมา CPF เรามุ่งเน้นในการเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงานและคนงาน พร้อมทั้งใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามามีส่วนช่วยในกระบวนการทำงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและทำให้สามารถแข่งขันได้เป็นปกติอยู่แล้ว

          ภาวะราคาสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ในรอบระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมา ราคาน้ำมันเบนซินจากลิตรละไม่เกิน 1.90 บาท เป็นกว่า 40 บาทซึ่งสูงขึ้นกว่า 20 เท่า ราคาทองคำจากบาทละ 400 บาท ปัจจุบัน 22,000 บาท สูงขึ้น 50 กว่าเท่า ค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 20 บาท ปัจจุบัน 215 บาท สูงขึ้น 11 เท่า ไข่ไก่จากฟองละ 0.50 บาท ปัจจุบัน 3.50 บาท สูงขึ้น 7 เท่า หมูเป็นจากกิโลละ 7 บาท ปัจจุบัน 75 บาท สูงขึ้น 11 เท่า ไก่เนื้อ จาก 12 บาท เป็น 38 บาท สูงขึ้นเพียง 3 เท่ากว่า

จึงเห็นได้ว่า ไก่เนื้อราคาสูงขึ้นน้อยที่สุดเนื่องจากเป็นสินค้าที่ไม่ได้ถูกควบคุมราคา จึงมีผู้สนใจเข้ามาลงทุนในธุรกิจดังกล่าวนี้เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้มีการแข่งขันในการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตจนทำให้ต้นทุนสามารถแข่งขันกับตลาดโลกได้ มีผลทำให้ส่งออกได้และภาวะราคาในประเทศไม่สูงจนเกินไปนัก ผู้บริโภคก็ได้ประโยชน์ด้วย ตรงกันข้ามกับไข่ หมู ซึ่งถูกควบคุมเป็นระยะๆตลอดทุกรัฐบาลที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง จึงมีผลให้การพัฒนาการผลิตและประสิทธิภาพทางการผลิตน้อยกว่า อีกทั้งสถาบันการเงินก็ไม่ให้การสนับสนุน ส่งผลให้ภาวะราคามีอัตราปรับตัวเฉลี่ยสูงกว่าไก่เนื้อ

          ดังนั้นภาครัฐจึงควรให้กลไกของตลาดเป็นตัวกำหนดราคาสินค้าเกษตร โดยไม่ควบคุมราคา ซึ่งถือว่าจะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรที่เป็นผู้ใช้แรงงานกลุ่มใหญ่ของประเทศ เพราะที่ผ่านมาก็ไม่ได้รับการคุ้มครองภายใต้นโยบายค่าจ้างขั้นต่ำของรัฐบาลอยู่แล้ว พร้อมทั้งควรสนับสนุนทางด้านการเงินเพื่อให้เกิดการขยายและพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้สูงขึ้นเพื่อผู้บริโภคจะได้สามารถหาซื้อสินค้าได้ในราคาที่ไม่แพงจนเกินไปนัก

          กล่าวโดยสรุป เราทุกคนควรต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลงและต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่โลกยุคปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและไม่หยุดยั้ง มิฉะนั้นภาวะโดยรวมจะอยู่ไม่ได้ เพราะถ้าหากเราควบคุมราคาน้ำมันของโลกไม่ได้ ก็มีความจำเป็นต้องมีการปรับตัวให้สอดคล้องกับความเป็นจริง ดังนั้นนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ที่จะปรับค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำและยกระดับราคาสินค้าเกษตรตามทฤษฎี 2 สูงจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งในการผลักดันเศรษฐกิจไทย ให้ปรับตัวพัฒนาก้าวหน้าครอบคลุมผลประโยชน์ของคนในชาติทุกกลุ่มอย่างทั่วถึง และเป็นการเพิ่มกำลังซื้อของคนภายในประเทศอย่างยั่งยืน.