เนื้อหาวันที่ : 2011-07-26 17:54:50 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1253 views

ภาวะเศรษฐกิจประจำวันที่ 27 ก.ค. 2554

1. ส.อ.ท.มองเศรษฐกิจไทยปีนี้โตร้อยละ 4.2-4.5 ส่วนปีหน้าเกินร้อยละ 5
-  ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวในการสัมมนา "รายงานเศรษฐกิจไทยครึ่งปี 2554 และทิศทางเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลัง...มุมมองภาคเอกชน" ว่า เศรษฐกิจไทยในปี 54 คาดว่าจะเติบโตได้เฉลี่ยร้อยละ 4.2-4.5 โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลัง การเติบโตของเศรษฐกิจภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลชุดใหม่ ที่คาดว่าจะเน้นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจแบบประชานิยม เป็นปัจจัยผลักดันการเติบโตต่อเนื่องไปถึงปี 55 ส่วนปี 55 คาดว่า GDP ของไทยจะขยายตัวได้เกินร้อยละ 5

-  สศค. วิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจไทยในปี 54 คาดว่าจะขยายตัวในอัตราร้อยละ 4.5 ถือเป็นการปรับเข้าสู่การขยายตัวในระดับปกติ จากปีก่อนหน้าที่เศรษฐกิจไทยขยายตัวในอัตราที่สูง โดยการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 54 ได้รับแรงขับเคลื่อนทั้งจากอุปสงค์ภายในประเทศและอุปสงค์ภายนอกประเทศ โดยพบว่าปริมาณการส่งออกสินค้าและบริการในปี 54 มีแนวโน้มขยายตัวในอัตราที่สูงถึงร้อยละ 9.0 โดยการบริโภคภาคเอกชนคาดว่าจะยังคงขยายตัวร้อยละ 4.3 เนื่องจากการจ้างงานที่อยู่ในเกณฑ์ดี รวมถึงรายได้เกษตรกรที่ปรับตัวดีขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าทางการเกษตรหลักๆ ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 9.6 เนื่องจากคาดว่าผู้ประกอบการจะสามารถกลับมาผลิตในระดับปกติได้อีกครั้ง ส่วนการใช้จ่ายภาครัฐคาดว่าจะยังคงมีบทบาทในการสนับสนุนภาวะเศรษฐกิจ  โดยการบริโภคภาครัฐคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3.0  และ การลงทุนภาครัฐคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3.6

2. ขึ้นค่าแรง 300 บาท ไม่กระทบอุตฯ ยานยนต์
-  สมาคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาททั่วประเทศ ไม่กระทบกับอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย เพราะเป็นการจ่ายค่าแรงตามทักษะของแรงงาน ทั้งนี้คาดว่ายอดการผลิตรถยนต์ฐานการผลิตในไทยจะเพิ่มเป็น 2 ล้านคัน ส่วนปี 54 มั่นใจว่ายอดการผลิตจะทำได้จริงถึง 1.8 ล้านคัน แม้เกิดผลกระทบจากสินามิที่ญี่ปุ่น

-  สศค. วิเคราะห์ว่า  จากข้อมูลล่าสุดในเดือนมิ.ย. 54 ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่งและรถยนต์เชิงพาณิชย์ในเดือนมิ.ย. 54 หดตัวร้อยละ -0.5 และ -0.3 ตามลำดับ ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่หดตัวร้อยละ -15.2 และ -6.2 เนื่องจากยังคงได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สึนามิในประเทศญี่ปุ่นและข้อจำกัดในการนำเข้าชิ้นส่วนอุปกรณ์ยานยนต์จากประเทศญี่ปุ่น ทำให้เลื่อนการผลิตและส่งมอบรถยนต์ออกไป

อย่างไรก็ดี มีสัญญาณว่าการผลิตยานยนต์จะกลับมาขยายตัวได้ดีอีกครั้งในช่วงที่เหลือของปี สะท้อนจากการเปิดโรงงานผลิตรถยนต์ใหม่เพิ่มอีก 3 โรงงานที่มีกำลังการผลิตรวม 4.5 แสนคัน ได้แก่ อีโกคาร์ของซูซูกิและมิตซูบิชิ และเก๋งซีดานของฟอร์ด และความต้องการแรงงานเพิ่มเติมในอุตฯ ยานยนต์อีกประมาณ 1 หมื่นตำแหน่ง เพื่อเร่งเดินหน้าผลิตในช่วงปลายปี54 ถึงต้นปี 55

3. เวียดนามคาดปีนี้ส่งออกข้าวได้มากกว่า 7 ล้านตัน
-  สมาคมอาหารเวียดนาม รายงานว่า ช่วงสามสัปดาห์แรกของเดือน ก.ค.54 เวียดนามส่งออกข้าว 387.2 พันตัน คิดเป็นมูลค่า 185.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  ส่งผลให้ปริมาณการส่งออกรวมตั้งแต่ต้นปี 54 อยู่ที่ 4.3 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ  นอกจากนี้ ยังคาดว่าในปี 54 จะสามารถส่งออกข้าวได้มากกว่า 7 ล้านตันเพิ่มขึ้นจาก 6.8 ล้านตันในปี 53  ทั้งนี้ ประเทศที่นำเข้าข้าวของเวียดนาม ได้แก่ ประเทศแถบเอเชีย คิดเป็นสัดส่วนเกือบร้อยละ  54 ของการส่งออกข้าวทั้งหมด ตามด้วยประเทศแถบแอฟริกาและสหรัฐฯ ในสัดส่วนร้อยละ 31.0 และ 12.2 ตามลำดับ

-  สศค. วิเคราะห์ว่า ในปี 54 เวียดนามมีแนวโน้มจะสามารถเพิ่มปริมาณการส่งออกข้าวได้มากกว่า 7 ล้านตัน  เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาเวียดนามได้พัฒนาการผลิตข้าวอย่างต่อเนื่องเพื่อแข่งขันกับข้าวของไทย  โดยการเพิ่มผลผลิตต่อไร่ ขยายพื้นที่เพาะปลูก และต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าข้าวของไทย  กอปรกับเวียดนามมีการลดค่าเงินด่อง  ซึ่งส่งผลให้ข้าวของเวียดนามมีราคาถูกกว่าข้าวของไทย  และสามารถแข่งขันกับข้าวของไทยในตลาดโลกได้  โดยในปี 53 ไทยส่งออกข้าวได้ 9.03 ล้านตัน และมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ร้อยละ 28.9 ลดลงจากร้อยละ 29.3 ในปี 52 

ในขณะที่เวียดนามส่งออกข้าวได้ 6.83 ล้านตัน และมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ร้อยละ 21.5 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 20.3 ในปี 52  ซึ่งจะส่งผลให้เวียดนามมีโอกาสจะส่งออกข้าวในตลาดโลกได้มากขึ้น  ทั้งนี้ แนวโน้มการส่งออกข้าวที่เพิ่มขึ้นจะช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของภาคการผลิตของเวียดนาม  โดย สศค. คาดว่า  อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเวียดนามในปี 54 มีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ 4.1 ต่อปี (คาดการณ์ ณ เดือน มิ.ย.54) 
 
ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง