ผู้ถือหุ้น เด็มโก้ ไฟเขียวซื้อหุ้นอีโอลัส ลุยเพิ่มทุนเตรียมเดินหน้าโครงการพลังงานลมห้วยบง ก.ค.นี้
นายพงษ์ศักดิ์ ศิริคุปต์
ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ
บริษัท เด็มโก้ (DEMCO)
ผู้ถือหุ้น เด็มโก้ ไฟเขียวซื้อหุ้นอีโอลัส ลุยเพิ่มทุนเตรียมเดินหน้าโครงการพลังงานลมห้วยบง ก.ค.นี้
ที่ประชุมผู้ถือหุ้นเด็มโก้อนุมัติเข้าซื้อหุ้นเพื่อลงทุนในอีโอลัส 1,300 ล้านบาท ก่อนเดินหน้าโครงการพลังงานลมห้วยบง 2 และ 3 ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมขนาด 180 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการ 1.25 หมื่นล้านบาท พร้อมอนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 635 ล้านบาทเป็น 999 ล้านบาท ผู้บริหารเผยเตรียมลุยก่อสร้างโครงการ เดือน ก.ค.นี้ ใช้เวลาก่อสร้าง 14 เดือน และทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปีนี้จนถึงปี 55 ย้ำผู้ถือหุ้นขอให้มั่นใจในประสบการณ์ในธุรกิจพลังงานที่ต่อเนื่องยาวนาน เชื่อมีโอกาสขยายตัวอย่างมั่นคง
นายพงษ์ศักดิ์ ศิริคุปต์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เด็มโก้ (DEMCO) ผู้นำธุรกิจด้านงานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าครบวงจร รวมถึงผลิตและจำหน่ายเสาโครงเหล็กสำหรับงานด้านไฟฟ้า โทรคมนาคมให้กับภาครัฐและเอกชน เปิดเผยว่า ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2554 ในการประชุมเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2554 ได้มีมติการเข้าลงทุนในบริษัท อีโอลัส พาวเวอร์ จำกัด โดยการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 35,135,135 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 27 ของหุ้นทั้งหมดของอีโอลัส ในราคาหุ้นละ 37 บาท รวมเป็นเงินลงทุนประมาณ 1,300 ล้านบาท
นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ยังได้มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ อีกจำนวน 363.538 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 363.538 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 635.461 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 999 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ 999 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท
ทั้งนี้ หลังจากที่ผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติให้บริษัทฯ เข้าลงทุนในอีโอลัส ซึ่งบริษัทฯจะถือหุ้น 27% ขณะที่บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง ถือหุ้น 73% และอีโอลัสจะเข้าลงทุนโดยถือหุ้น 60% ในโครงการพลังงานลมห้วยบง 2 และ 3 ซึ่งมีกำลังการผลิต 180 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการ 12,500 ล้านบาท ร่วมกับพันธมิตรอีก 2 รายที่จะถือหุ้นในสัดส่วนรายละ 20% แล้วนั้น บริษัทฯ จะดำเนินการก่อสร้างโครงการดังกล่าวตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2554 เป็นต้นไป โดยใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 14 เดือน โดย DEMCO จะทยอยรับรู้รายได้จากโครงการนี้ในปีนี้คิดเป็น 1,600 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 800 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ในปี 2555