เนื้อหาวันที่ : 2011-06-23 10:06:55 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2635 views

กลิ่นตัวชาย กลิ่นกายหญิง

ในแต่ละวันเรามักจะต้องพบเจอกับผู้คนมากมาย ยิ่งถ้ามีอันต้องใกล้ชิดสนิทแนบกับผู้อื่น เช่นบนรถเมล์ด้วยแล้ว กลิ่นตัว กลายเป็นปัญหาใหญ่ของใครหลาย ๆ คนเลยทีเดียว

น้ำหนึ่ง (nam_7121@hotmail.com)


          ในแต่ละวันเรามักจะต้องพบเจอกับผู้คนมากมาย ไม่ว่าที่โรงเรียน ที่ทำงาน ตามร้านอาหาร ร้านค้า หรือบนรถโดยสาร ยิ่งถ้าต้องขึ้นรถประจำทางช่วงเวลาเร่งด่วนด้วยแล้ว ก็ยิ่งมีอันต้องใกล้ชิดสนิทแนบเป็นปลากระป๋องเลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้ “กลิ่นตัว” จึงกลายเป็นปัญหาใหญ่ของใครหลายๆ คน เพราะกลัวว่ากลิ่นของตนเองจะไปก่อกวนคนอื่น (ในขณะเดียวกันก็ระแวงกลิ่นของคนใกล้เคียงด้วยเช่นเดียวกัน) Add Magazine ฉบับนี้จึงมีข้อมูลและวิธีขจัด “กลิ่นตัว” อย่างปลอดภัยและได้ผลมาฝากค่ะ

          ก่อนอื่นเราต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า กลิ่นตัวหรือกลิ่นกายที่ติดตัวเราอยู่ทุกวันนี้มี 2 ประเภท 
          ประเภทแรกเป็นคือกลิ่นกายตามธรรมชาติที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ตัวอย่างที่ชัดเจนคือเนื้อตัวของเด็กทารกที่มักจะมีกลิ่นหอมอยู่เสมอโดยไม่ต้องทาแป้ง ในผู้ใหญ่ก็มีกลิ่นประจำกายเช่นเดียวกัน แต่มักเป็นกลิ่นอ่อนๆ ไม่ชัดเจนเท่าเด็กทารก กลิ่นกายตามธรรมชาตินี้จะส่งผลให้รู้สึกสงบ สบายใจ อ่อนโยน และน่าทะนุถนอม

          ประเภทที่สอง เป็นกลิ่นที่เกิดจากการหมักหมมของเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนังหรือส่วนอับของร่างกาย เช่น รักแร้ ข้อพับ หรือบริเวณในร่มผ้า เมื่อเหงื่อออก แบคทีเรียเหล่านี้ก็จะย่อยสลายและบูดเน่าจนเกิดกลิ่นไม่พึงปรารถนาดังกล่าว ผู้ที่มีเหงื่อออกมาก เช่นนักกีฬา หรือผู้ที่ทำงานกลางแดดและใช้แรงจึงมักมีปัญหากลิ่นตัวมากกว่าคนอื่นๆ

          นอกจากกิจกรรมที่เราทำจะเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เหงื่อออกมาก จนเกิดการย่อยสลายของแบคทีเรียตามผิวหนัง และเกิดกลิ่นตามมาแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้มีกลิ่นตัวแรงกว่าปกติ เช่น การรักษาสุขอนามัยของร่างกายไม่ดีพอ ป่วยเป็นโรคบางชนิด หรืออยู่ในภาวะเครียดจนส่งผลให้ต่อมเหงื่อขับเหงื่อออกมามากกว่าปกติ  รวมไปถึงการกินอาหารที่สารระเหย เช่นเครื่องเทศต่างๆ และอาหารที่มีไขมันสูงอย่างเนย นม เพราะสารระเหยจากอาหารเหล่านี้มักจะปะปนออกมาพร้อมกับเหงื่อของเราจนเกิดกลิ่นฉุนได้

สำหรับวิธีขจัดกลิ่นตัวนั้นก็ทำได้ไม่ยาก เพียงหลีกเลี่ยงปัจจัยที่จะทำให้เกิดกลิ่นดังกล่าวข้างต้น ไม่ว่าจะเป็น
          • การใส่ใจรักษาสุขอนามัยและความสะอาดของร่างกายเป็นประจำสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในส่วนที่มีต่อมเหงื่อและแบคทีเรียหมักหมมอยู่เป็นจำนวนมาก

          • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีกลิ่นฉุน และถ้าสงสัยว่าป่วยเป็นโรคบางชนิดที่อาจส่งผลต่อกลิ่นตัว ก็ควรรีบขอรับคำปรึกษาจากแพทย์เพื่อทำการรักษาต่อไป

          • แต่หากปฏิบัติตัวตามวิธีดังกล่าวข้างต้นแล้วยังพบว่า ตัวเองมีกลิ่นตัวรุนแรงอยู่ ให้ลองเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายที่มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบและคุณสมบัติ ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่วางขายในท้องตลาดส่วนใหญ่จะมีคุณสมบัติช่วยลดจำนวนแบคทีเรียที่ทำปฏิกริยากับเหงื่อ ช่วยลดการขับหงื่อ และเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องสำอางค์ หรือน้ำหอม

          อย่างไรก็ตาม อาจมีหลายคนสงสัยถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์เหล่านี้ แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีผู้ใดหรือสถาบันใดออกมายืนยันถึงอันตรายของการใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย นอกจากผู้ใช้จะเกิดอาการแพ้สารเคมีบางชนิดที่ผสมอยู่ ซึ่งนั่นก็ขึ้นอยู่กับกลไกของร่างกายแต่ละคน ส่วนผู้ที่คิดจะใช้แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกอย่างไร ลองทำตามคำแนะนำของกองควบคุมเครื่องสำอาง สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ที่แนะนำให้เลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากแหล่งที่ไว้ใจได้ มีฉลากผลิตภัณฑ์แสดงรายละเอียดอย่างครบถ้วนและชัดเจน เช่น ส่วนประกอบที่สำคัญ วิธีใช้  วันผลิต ผู้ผลิตและสถานที่ผลิต หรือผู้นำเข้า รวมไปถึงปริมาณบรรจุ และถ้าเป็นเครื่องสำอางควบคุมพิเศษ เพราะมีสารควบคุมพิเศษ เช่น ซิงก์ พารา-ฟีนอล ซัลโฟเนต (zinc p-phenol sulfonate) ก็ต้องติดเตือนว่าอย่าให้เข้าตาด้วย

          แต่ถ้ายังรู้สึกไม่วางใจในผลิตภัณฑ์เหล่านี้อีกละก็ ลองมองหาสารส้มไว้ถูรักแร้ตอนอาบน้ำสักก้อน คราวนี้รับรองว่าร่างกายเราจะสะอาด ปลอดภัย ไร้กลิ่นแน่นอนค่ะ

ขอบคุณบทความดี ๆ จา Add Free Magazine