เนื้อหาวันที่ : 2011-06-20 16:25:38 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2186 views

EARTH ผงาดขึ้นแท่นที่ 3 หลังซื้อเหมืองอินโดฯ

ขจรพงศ์ คุยโว EARTH เป็นพยัคฆ์ติดปีก หลังซื้อเหมืองอินโดฯรีเสิร์ฟ 8 ล้านตัน ผู้ถือหุ้นยิ้มไม่ต้องควักกระเป๋าหวังปีหน้ารายได้โตแตะหมื่นล้าน

          ขจรพงศ์ คุยโว EARTH เป็นพยัคฆ์ติดปีก หลังซื้อเหมืองอินโดฯรีเสิร์ฟ 8 ล้านตัน ผู้ถือหุ้นยิ้มไม่ต้องควักกระเป๋าหวังปีหน้ารายได้โตแตะหมื่นล้าน

          EARTH ขึ้นแท่นเบอร์ 3 ของประเทศไทย เป็นเจ้าของเหมืองถ่านหินเอง ประกาศเข้าซื้อเหมืองที่อินโดนีเซียจาก PT TRI TUNGGAL PITRIATI มูลค่าไม่เกิน 1,200 ล้านบาท ซึ่งคำนวณจากปริมาณสำรองถ่านหินไม่เกิน 8 ล้านตัน ผู้ถือหุ้นรับโชคหลายชั้น เริ่มจากรับวอร์แรนต์สัดส่วน 5 หุ้นเดิมต่อ 1 วอร์แรนต์ฟรี และเป็นเจ้าของเหมืองโดยไม่ต้องควักเงิน แต่ใช้วิธีเพิ่มทุนขายพีพี จำนวน 360,360,360 หุ้น โดยกำหนดราคาเสนอขายหุ้นละ 3.33 บาทต่อหุ้น ด้าน "ขจรพงศ์ คำดี" เผยจากนี้ EARTH กลายเป็นพยัคฆ์ติดปีก เหตุถ่านหินที่ได้มาทำสัญญา MOU ขายหมดภายใน 4 ปี ผลักดันผลประกอบการเติบโตแบบก้าวกระโดด คาดปี 2555 ปริมาณขายถ่ายหินพุ่งเกิน 3 ล้านตัน หวังรายได้มีโอกาสแตะ 10,000 ล้านบาท

นายขจรพงศ์ คำดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด

          นายขจรพงศ์ คำดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) (EARTH) เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทครั้งที่ 7/2554 เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2554 นั้น ได้มีมติให้ออกและจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทรุ่นที่ 1 (EARTH-W1) ไม่เกินจำนวน 444,542,535 หน่วย ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้นในอัตราส่วน 5 หุ้นสามัญเดิมต่อใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วย โดยไม่คิดมูลค่า กรณีมีเศษของใบสำคัญแสดงสิทธิเหลือจากการคำนวณตามอัตราส่วนการจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิดังกล่าวให้ตัดเศษดังกล่าวทิ้งทั้งจำนวน ทั้งนี้ใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วยสามารถใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญได้ 1 หุ้นในราคาหุ้นละ 1.50 บาท อายุ ไม่เกิน 5 ปี

          พร้อมกันนี้มีมติอนุมัติให้เข้าซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของ PT TRI TUNGGAL PITRIATI (“TTP”) ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่ในประเทศอินโดนีเซีย และได้รับสัมปทานจากรัฐบาลให้สามารถขุดถ่านหินในประเทศอินโดนีเซียได้ จากผู้ถือหุ้นของ TTP โดยบริษัทจะขอเข้าซื้อหุ้นสามัญจำนวนไม่เกิน 1,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ Rp.8,521,000 (เทียบเท่ากับ USD 1,000) คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 100 ของหุ้นสามัญทั้งหมด ในราคาเสนอซื้อหุ้นละไม่เกิน 1,200 ล้านบาท รวมเป็นราคาซื้อหุ้นสามัญของ TTP ทั้งสิ้นไม่เกิน 1,200 ล้านบาท จากผู้ถือหุ้นของ TTP

โดยมูลค่าหุ้นที่ซื้อคำนวณจากปริมาณสำรองถ่านหินไม่เกิน 8 ล้านตัน บริษัทจะชำระราคาค่าซื้อหุ้นดังกล่าวให้แก่ผู้ถือหุ้นของTTPโดยการออกหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทจำนวนไม่เกิน 360,360,360 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท และเสนอขายแบบเฉพาะเจาะจงต่อบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ในราคาเสนอขายหุ้นละ 3.33 บาท เพื่อตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นของ TTP ที่เสนอขายหุ้นของ TTP ให้แก่บริษัทแทนการชำระเป็นเงินสด โดยบริษัทจะทำการเสนอขอซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นของ TTP แต่ละราย

          สำหรับปริมาณสำรองถ่านหินที่แน่นอนอย่างเป็นทางการ บริษัทได้แต่งตั้งให้บริษัทผู้ประเมินอิสระเป็นผู้ตรวจสอบความถูกต้องขั้นสุดท้ายตามวิธีการที่ยอมรับทั่วไป JORC และคาดว่าจะได้รับรายงานไม่เกิน 30 วันโดยปริมาณสำรองถ่านหินที่มีทั้งหมดนั้นเพียงพอต่อออเดอร์ที่บริษัทได้เซ็นต์สัญญาและ MOU ไว้ล่วงหน้ากับลูกค้าต่างประเทศแล้ว โดยจะต้องส่งมอบจำนวน 8 ล้านตัน และต้องส่งมอบให้เสร็จสิ้นภายใน 4 ปี ให้แก่ลูกค้าในประเทศจีน

          “ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของ EARTH จุดเปลี่ยนนี้ทำให้เกิดความแตกต่างของธุรกิจอย่างชัดเจนจากเดิมที่ เป็นผู้จัดจำหน่ายถ่านหิน ขณะนี้ก้าวสู่ความเป็นเจ้าของเหมืองถ่านหิน ซึ่งถือเป็นบริษัทจดทะเบียนรายที่ 3 ของประเทศไทยรองจาก บมจ.บ้านปู และ บมจ.ลานนารีซอร์สเซส ที่มีเหมืองถ่านหินเป็นของบริษัทเอง และการที่มีเหมืองเองนี้ จะทำให้บริษัทได้รับความเชื่อมั่นจากคู่ค้าว่าสามารถส่งสินค้าได้ตามปริมาณและระยะเวลาที่ต้องส่งมอบ อีกทั้งทำให้มีปริมาณสำรองในมือเพิ่มขึ้นและที่สำคัญคือมีต้นทุนลดลงซึ่งจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มสูงขึ้น

ขณะเดียวกันการลงทุนในครั้งนี้ไม่ต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อเหมือง แต่บริษัทเลือกวิธีขายหุ้นเพิ่มทุนเพื่อแลกกับการถือหุ้นร้อยละ 100 ใน TTP แต่ EARTH ก็ไม่ลืมที่จะตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นในประเทศด้วย ดังนั้นการเพิ่มทุนของ EARTH จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือการเพิ่มทุนเพื่อรองรับการแปลงสภาพวอร์แรนต์ ในสัดส่วน 5 หุ้นเดิมต่อ 1 วอร์แรนต์ฟรี โดยไม่คิดมูลค่า ซึ่งถือเป็นการตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท และส่วนที่สองเป็นการเพิ่มทุนเพื่อแลกกับการเป็นเจ้าของเหมือง โดยหุ้นในล็อตที่สองนี้จะไม่ได้รับสิทธิในวอร์แรนต์ดังกล่าว”

          เขากล่าวต่อว่า EARTH จะเพิ่มทุนจดทะเบียน จากทุนจดทะเบียนเดิม 2,222,712,675 บาท ให้เป็นทุนจดทะเบียนไม่เกิน 3,027,615,570 บาท กล่าวคือ ให้เพิ่มทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นอีกไม่เกิน 804,902,895 บาท โดยการออกหุ้นสามัญใหม่เป็นจำนวนไม่เกิน 804,902,895 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท พร้อมกันนี้ได้มีมติอนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ 1.จำนวนไม่เกิน 444,542,535 หุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิตาม EARTH-W1 ซึ่งจะจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น และ 2.จำนวนไม่เกิน 360,360,360 หุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมของ TTP ในราคาหุ้นละ 3.33 บาท ด้วยวิธีการแลกหุ้น (Share swap) หรือคิดเป็นมูลค่ารวมของสิ่งตอบแทนไม่เกิน 1,200 ล้านบาท

ทั้งนี้ ราคาเสนอขายหุ้นดังกล่าวเป็นราคาที่ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90 ของราคาตลาดตามประกาศของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง "ราคาตลาด" หมายถึงราคาถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ย้อนหลัง 7 วันทำการติดต่อกัน ก่อนวันที่คณะกรรมการมีมติให้เสนอวาระนี้ต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2554 เพื่อขออนุมัติให้บริษัทเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน โดยเป็นราคาที่คำนวณระหว่าง วันที่ 8-16 มิถุนายน 2554 ซึ่งเท่ากับ 3.33 บาท และหากมีหุ้นเหลือจากการจัดสรรให้ผู้ถือหุ้นของ TTP มอบอำนาจให้ประธานกรรมการเป็นผู้จัดสรรให้แก่บุคคลในวงจำกัดในราคาเดียวกับที่เสนอขายให้ ผู้ถือหุ้นของ TTP

          "ประโยชน์ที่ได้รับจากการลงทุนในครั้งนี้ คือทำให้ EARTH มีความมั่นคงของธุรกิจถ่านหินซึ่งจะลดความเสี่ยงในด้านการจัดหาวัตถุดิบ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว ทั้งยังช่วยเพิ่มรายได้ในระดับที่ดีต่อเนื่อง จากการมีแหล่งวัตถุดิบเป็นของตนเอง รวมถึงทำให้อัตรากำไรสุทธิดีขึ้น และทำให้โครงสร้างเงินทุนให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยสิ้นสุดเดือนมีนาคม 2554 บริษัทมีอัตราหนี้สินต่อทุน เท่ากับ 2.73 เท่า ซึ่งภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง จะส่งผลให้ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นและอัตราหนี้สินต่อทุนลดลงมาก ในด้านผลประกอบการของปี 2555 คาดว่าจะเห็นภาพที่เด่นชัดภายหลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เบื้องต้นคาดว่า EARTH จะมีปริมาณจำหน่ายถ่านหินมากกว่า 3 ล้านตัน จากปี 2554 ที่คาดว่าจะทำได้ประมาณ 1.2 ล้านตัน และน่าจะผลักดันให้รายได้ไต่ขึ้นไปแตะที่ระดับ 10,000 ล้านบาทได้ "นายขจรพงศ์ กล่าวในที่สุด