เนื้อหาวันที่ : 2011-05-23 16:04:53 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1005 views

สถานการณ์ราคาน้ำมันประจำสัปดาห์ และแนวโน้ม 23-27 พ.ค. 2554

ฝ่ายบริหารความเสี่ยงราคาและวิเคราะห์ตลาดต่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รายงานถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันว่า ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยสัปดาห์ที่ 16-20 พ.ค. 54 น้ำมันดิบดูไบ (Dubai) อยู่ที่ระดับ 106.48 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ลดลงจากสัปดาห์ก่อน 1.65 เหรียญสหรัฐฯ /บาร์เรล

น้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) อยู่ที่ 111.77 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ลดลง 2.81 เหรียญสหรัฐฯ /บาร์เรล และน้ำมันดิบเวสเท็กซัส (WTI) อยู่ที่ 98.46 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ลดลง 2.19 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ในส่วนของน้ำมันเบนซินราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 119.38 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ลดลง 8.17 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 124.01 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ลดลง 1.73 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

โดยความวิตกกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกเป็นแรงกดดันนักลงทุนให้เทขายทำกำไรในตลาดซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า หลังการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจอย่างเป็นทางการของสหรัฐฯ ในภาคอุตสาหกรรมการผลิต และภาคอสังหาริมทรัพย์ยังอ่อนแอ และล่าสุดฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซลงสู่ระดับ B+ นอกจากนี้ปัจจัยอื่นๆที่ส่งผลกระทบต่อราคาได้แก่:

          (ผลกระทบจากราคาน้ำมันที่มีผลในเชิงลบ) Commodity Futures Trading Commission รายงานการซื้อขายน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า New York Mercantile Exchange (NYMEX) ของสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุด 17 พ.ค. 54 มีปริมาณลดลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนประมาณ 30 ล้านบาร์เรล

          (ผลกระทบจากราคาน้ำมันที่มีผลในเชิงลบ) เศรษฐกิจยุโรปยังเปราะบางโดยเฉพาะสถานการณ์ในกรีซ โปรตุเกส สเปน และอิตาลี ซึ่งรัฐมนตรีคลัง​ในกลุ่ม Euro Zone ได้อนุมัติเงินช่วยเหลือประเทศโปรตุเกสแล้วมูลค่า 1.1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

          (ผลกระทบจากราคาน้ำมันที่มีผลในเชิงลบ) รัฐบาลญี่ปุ่นรายงาน GDP ไตรมาส 1/54 อยู่ที่ -3.7% ต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ -2%

          (ผลกระทบจากราคาน้ำมันที่มีผลในเชิงลบ) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดวันที่ 20 พ.ค. 54 ลดลง 93.28 จุด หรือ 0.7% อยู่ที่ 12,512.04 จุด

          (ผลกระทบจากราคาน้ำมันที่มีผลในเชิงลบ) Energy Information Administration (EIA) รายงานปริมาณสำรอง น้ำมันดิบเชิงพาณิชย์ของสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุด 13 พ.ค. 54 ทรงตัวที่ระดับ 370.3 ล้านบาร์เรล โดยลดลงจากสัปดาห์ก่อนเพียง 0.02 ล้านบาร์เรล และ Gasoline อยู่ที่ 205.9 ล้านบาร์เรล (+0.1 ล้านบาร์เรล) อย่างไรก็ตาม Distillates อยู่ที่ 143.0 ล้านบาร์เรล (-1.2 ล้านบาร์เรล)

          (ผลกระทบจากราคาน้ำมันที่มีผลในเชิงบวก) สำนักพยากรณ์อากาศของสหรัฐฯ: National Oceanic and Atmospheric (NOAA) คาดการณ์ฤดูมรสุมปีนี้ (มิ.ย. ถึง พ.ย. 54) จะรุนแรงกว่าปกติ โดยพายุเฮอริเคนที่จะเกิดขึ้นมีจำนวนประมาณ 6-10 ลูก

          (ผลกระทบจากราคาน้ำมันที่มีผลในเชิงบวก) กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) สัปดาห์สิ้นสุด 14 พ.ค. 54 ลดลงจากสัปดาห์ก่อน 29,000 ราย มาอยู่ที่ 409,000 ราย

          สำหรับแนวโน้มสัปดาห์นี้คาดว่าราคาน้ำมันดิบ WTI และ Brent มีแนวโน้มเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 95-103 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล และ 108-115 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ตามลำดับ จากเศรษฐกิจโลกยังขาดเสถียรภาพในการฟื้นตัวอย่างชัดเจน ซึ่งหากราคาน้ำมันอยู่ในระดับสูงอาจทำให้ผู้บริโภคชะลอการใช้ นอกจากนั้นปัญหาหนี้สาธารณะของประเทศในกลุ่ม Euro Zone ในระยะสั้นอาจกดดันค่าเงินยูโรให้อ่อนตัวต่อไปอีก ขณะที่มีการคาดการณ์ว่าในวันที่ 2 มิ.ย. 54 ธนาคารกลางยุโรปอาจมีแผนปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในอนาคต

อย่างไรก็ตามต้องจับตาปริมาณการใช้เชื้อเพลิงในช่วงฤดูร้อนและฤดูขับขี่ และสถานการณ์ตึงเครียดในประเทศผู้ผลิตน้ำมัน เพราะเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคา ล่าสุดนักวิเคราะห์คาดการประชุม OPEC ในวันที่ 8 มิ.ย. นี้ จะมีมติคงเพดานการผลิตเดิม และมีข่าวบริษัท โตเกียว อิเล็กทริก เพาเวอร์ (เทปโก) เตรียมเปิดใช้งานเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าในจังหวัดฟูกุชิมาภายในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ หลังจากได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวและสึนามิ

ที่มา : ปตท.