เนื้อหาวันที่ : 2011-05-18 15:18:30 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 773 views

กบข.ลุยลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน หวังกระจายความเสี่ยง

          บอร์ด กบข.ไฟเขียวกรอบการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทั้งในและนอกประเทศ พร้อมกำหนดสัดส่วนการลงทุนประมาณ 3.7 พันลบ. ลุยลงทุนทางตรงและทางอ้อมในระบบการขนส่ง ระบบสาธารณูปโภค ระบบติดต่อสื่อสาร และโครงสร้างพื้นฐานทางสังคม หวังกระจายความเสี่ยงพอร์ตลงทุน และสร้างผลตอบแทนระยะยาวชนะเงินเฟ้อ

          นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย เลขาธิการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ(กบข.) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ กบข.มีมติอนุมติกรอบการลงทุนในสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการจัดสรรการลงทุนระยะยาว (Strategic Asset Allocation: SAA) ซึ่งตาม SSA กำหนดสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานเบื้องต้นอยู่ที่ 1% ของมูลค่าสินทรัพย์ส่วนของสมาชิก หรือประมาณ 3,700 ล้านบาท

          ทั้งนี้ โครงสร้างพื้นฐาน 4 กลุ่มหลักที่ กบข.จะเข้าลงทุน คือ ระบบการขนส่ง ระบบสาธารณูปโภค ระบบติดต่อสื่อสาร และโครงสร้างพื้นฐานทางสังคม โดย กบข.สามารถลงทุนได้ทั้งทางตรง หรือลงทุนทางอ้อมผ่านสื่อกลางการลงทุน อาทิ ลงทุนในกองทุนที่จดทะเบียน หรือไม่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงกองทุนที่ลงทุนในกองทุน (Fund of Fund) เป็นต้น

          “การเข้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทน และกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนไปในหลักทรัพย์ใหม่ๆ เพิ่มเติม ซึ่งผลตอบแทนของโครงสร้างพื้นฐานนั้นค่อนข้างคงที่ และผันแปรตามการเปลี่ยนแปลงของอัตราเงินเฟ้อ เหมาะกับการลงทุนเพื่อเป้าหมายเอาชนะเงินเฟ้อของ กบข.อย่างยิ่ง”นางสาวโสภาวดีกล่าว

          อย่างไรก็ดี การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการลงทุนในต่างประเทศที่มีขนาดกองทุนค่อนข้างใหญ่เฉลี่ยประมาณ 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ กบข.จึงกำหนดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแต่ละโครงการเบื้องต้นประมาณ 5% ของมูลค่าโครงการ โดยสัดส่วนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่ลงทุนในต่างประเทศเมื่อรวมกับการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศอื่นๆ ต้องไม่เกินเพดานการลงทุนต่างประเทศของ กบข.ที่ 25% ของเงินกองทุน

          นางสาวโสภาวดี กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันกองทุนบำเหน็จบำนาญในต่างประเทศได้มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานมากขึ้น ซึ่งกองทุนในสหรัฐอเมริกาเริ่มเห็นความสำคัญและเริ่มลงทุนในสินทรัพย์ประเภทนี้มากขึ้น เนื่องจากผลตอบแทนที่คงที่ และรายได้ของโครงการผันแปรตามอัตราเงินเฟ้อตามที่กล่าวมาข้างต้น