เนื้อหาวันที่ : 2011-05-10 11:19:35 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1017 views

ภาวะเศรษฐกิจประจำวันที่ 10 พ.ค. 2554

1. มติกบง.ให้ผู้ค้าลดเบนซิน 40 -50 สต./ลิตร
-  รมว.พลังงานกล่าวหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ว่า ที่ประชุมมีมติให้ผู้ค้าน้ำมันปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินลงอีกลิตรละ   40 - 50 สตางค์ และให้เก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนของน้ำมันดีเซลเพิ่มอีกลิตร 1.06บาท/ลิตร เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับลดลงต่อเนื่อง

-  สศค.วิเคราะห์ว่า การที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับลดลงส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่ธนาคารยุโรปคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 1.25 ประกอบกับล่าสุดดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อภาคบริหาร (Service PMI) เดือน เม.ษ. 54 ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับ 56.7

ส่งผลให้นักลงทุนคาดว่าค่าเงินสหรัฐจะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินยุโรป จึงหันมาลงทุนในตลาดดอลลาร์สหรัฐฯ และลดลงการลงทุนในตลาดโภคภัณฑ์ เช่น ตลาดน้ำมันลง ซึ่งได้ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลดลง โดยในวันที่ 6 พ.ค.54 ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 99.8 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล  ลดลงจากวันที่ 5 พ.ค. 54 ที่อยู่ระดับ 114.1 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หรือลดลงร้อยละ -12.6    

2. ธอส.คาดคนแห่จองซื้อบ้านดอกเบี้ย 0% 2 ปี ในวันแรกทะลุ 1 หมื่นล้านบาท
-  กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ ธอส. เปิดให้ประชาชนยื่นเอกสารเพื่อขอสินเชื่อโครงการบ้านหลังแรก ในช่วงครึ่งวันแรก พบว่า มีผู้ยื่นขอสินเชื่อต่อสาขาของธนาคาร 153 สาขาทั่วประเทศรวมประมาณ 6,000 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนประมาณ 5,000 ราย ทั้งนี้ ในเบื้องต้นคาดว่าในวันแรกจะมีผู้ยื่นขอสินเชื่อรวมกันประมาณ  1 หมื่นล้านบาท

-  สศค.วิเคราะห์ว่า การที่ยอดขอสินเชื่อซื้อบ้านทะลุเป้านั้น บ่งชี้ว่าความต้องการสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ และรายได้ภาคครัวเรือนที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี ซึ่งสะท้อนจากอัตราว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำ โดยในไตรมาสที่ 1 ปี 54 อัตราว่างงานอยู่ที่ร้อยละ 0.8 ของกำลังแรงงานรวม ซึ่งถือเป็นระดับต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์

3. ตลาดหลักทรัพย์อเมริกาเตือนทางการจีนปรับค่าเงินหยวนและระบบการเงิน
นาย Timothy Geithner เลขาธิการตลาดหลักทรัพย์อเมริกาเตือนทางการจีนควรผ่อนคลายความเข้มงวดของระบบการเงิน และเปิดให้ธนาคารและประกันภัยเข้าไปทำธุรกิจในจีนเพิ่มขี้น ตลอดจนเห็นควรให้มีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย (แม้ว่าจะมีการปรับเพิ่มแล้วกว่า 4 ครั้งนับจากกลาง ต.ค.53 ที่ผ่านมา) และเพิ่มค่าเงินหยวน

โดยเห็นว่าที่ผ่านมาค่าเงินหยวนถูกกดให้อ่อนเพื่อสนับสนุนการส่งออกมากเกินไปและทำให้ทางการจีนเกิดความยากลำบากในการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยและสกัดกั้นอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มในระดับสูงสุดในรอบ 32 เดือน ในเดือน มี.ค.54

-  สศค.วิเคราะห์ว่า ในช่วงปี 51 – 52 ธนาคารกลางจีนดำเนินนโยบายตรึงค่าเงินหยวนไว้กับดอลลาร์สหรัฐเพื่อกระตุ้นการส่งออกของประเทศ ซึ่งเป็นอัตราแลกเปลี่ยนที่ต่ำกว่าความเป็นจริง เมื่อพิจารณาจากพื้นฐานเศรษฐกิจของจีนที่ขยายตัวอย่างร้อนแรงถึงร้อยละ 10.3 ในปี 53 อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเงินหยวนมีทิศทางแข็งค่าขึ้นก่อนหน้ามาจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางจีนจะใช้อัตราแลกเปลี่ยนเพื่อช่วยบรรเทาภาระเงินเฟ้อ โดยล่าสุดอัตราเงินเฟ้อของจีนในเดือนมี.ค. 54 อยู่ที่ร้อยละ 5.4

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง