เนื้อหาวันที่ : 2011-05-06 11:30:33 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 874 views

ภาวะเศรษฐกิจประจำวันที่ 6 พ.ค. 2554

1. ธอส. ชี้บ้านหลังแรกกระแสแรง คาด 1 เดือนปล่อยกู้หมด
-  กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ในวันที่ 9 พ.ค. 54 นี้ ธอส. จะเปิดให้ผู้ที่ต้องการกู้เพื่อซื้อที่อยู่อาศัยหลังแรกในโครงการบ้านหลังแรกยื่นคำขอกู้พร้อมกันทั่วประเทศ ทั้งนี้ รัฐบาลจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าจดจำนองและค่าธรรมเนียมการโอนครึ่งหนึ่ง หรือจ่ายตามจริงสูงสุดร้อยละ 1 ของราคาประเมิน จากค่าโอนปกติที่ร้อยละ 2 ของราคาประเมิน โดยคาดว่าภายใน 1 เดือนหลังจากเปิดดำเนินการ น่าจะปล่อยสินเชื่อได้หมดจากวงเงินทั้งสิ้น 2.5 หมื่นล้านบาท

-  สศค.วิเคราะห์ว่า โครงการดังกล่าว นอกจากจะเอื้อให้ประชาชนที่ต้องการซื้อบ้าน มีทางเลือกมากขึ้นแล้ว โครงการบ้านหลังแรกจะส่งผลดีต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 3.9 ของ GDP ด้านอุปทาน ซึ่งในปี 53 ขยายตัวเล็กน้อยเพียงร้อยละ 3.8  และขยายตัวชะลอลงมากในไตรมาส 4 ปี 53 เพียงร้อยละ 2.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า

ตลอดจนจะช่วยกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชน โดยเฉพาะการลงทุนในหมวดการก่อสร้าง ซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 7.2 ของ GDP ภาคอุปสงค์ และน่าจะทำให้ยอดจำหน่ายวัสดุก่อสร้างเพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้ สศค. คาดว่า ในปี 54 การลงทุนภาคเอกชนจะขยายตัวในช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 8.2 - 10.2 (ประมาณการ ณ มี.ค. 54)

2. ทิศทางเศรษฐกิจโลกหนุนราคาปิโตรเคมีเพิ่มสูงขึ้น
-  บริษัท ปตท.อะโรเมติกส์ และการกลั่น (PTTAR) เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงปลายปีที่ผ่านมาทำให้บริษัทมีผลกำไรจากค่าการกลั่นที่สูงขึ้นรวมทั้งราคาปิโตรเคมีในตลาดโลกก็อยู่ในเกณฑ์ดี และมีแนวทางเติบโตต่อเนื่องในไตรมาสที่ 2 เนื่องจากแนวโน้มสภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มการขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศที่เป็นผู้บริโภคยักษ์ใหญ่ของโลก ได้แก่ จีน อินเดีย และสหรัฐอเมริกา มีทิศทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ประชาชนมีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจและบริโภคมาก

-  สศค.วิเคราะห์ว่า อุปสงค์ของน้ำมันในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากกลุ่มประเทศบริโภคน้ำมันรายใหญ่ และประเทศอื่นๆในเอเชีย ตามทิศทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นต่อเนื่อง ผนวกกับปัญหาความไม่แน่นอนทางการเมืองของกลุ่มประเทศผลิตน้ำมันในตะวันออกกลาง ที่ได้ส่งผลให้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกลดลงนั้น ทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกมีทิศทางเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้แรงกดดันจากเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น โดยในเดือน เม.ย. 54 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ 4.0เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยูที่ร้อยละ 3.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ทั้งนี้ สศค. คาดว่า ในปี 2554 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ร้อยละ 3.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า (ช่วงคาดการณ์ร้อยละ 3.1-4.1)

3. ธนาคารอีซีบีไม่ขยับดอกเบี้ยนโยบาย คงไว้ที่อัตรา 1.25%
-  ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 1.25% หลังจากปรับดอกเบี้ยไปแล้วครั้งหนึ่งเมื่อเดือน เม.ย. 2554 เพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ  อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อที่ดีดตัวสูงขึ้น จะกดดันให้อีซีบีต้องปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยภายในเดือน มิ.ย. 2554 หรือ ก.ค. 2554 นี้ ทั้งนี้ จากการประเมินของอียูล่าสุด คาดว่าดัชนีเงินเฟ้อจะแตะระดับ 2.8% โดยปัจจัยหลักมาจากราคาน้ำมันที่ถีบตัวสูงขึ้น

-  สศค. วิเคราะห์ว่าการประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายของอีซีบี ได้ลดความกังวลของหลายฝ่าย ที่วิเคราะห์ว่า หากอีซีบีปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะส่งให้ต้นทุนในการกู้ยืมและภาระหนึ้ของประเทศที่มีปัญหาการขาดดุลการคลังและหนี้สาธารณะ อย่างเช่น โปรตุเกส กรีซ และไอร์แลนด์ ปรับเพิ่มสูงขึ้นอีก

อย่างไรก็ตาม จากความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มมากขึ้น คาดว่าอีซีบีจะประกาศเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกในระยะอันใกล้ ซึ่งอาจส่งผลให้ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นบ้าง และจะกระทบต่อความสามารถทางการแข่งขันของภาคการส่งออกของประเทศในกลุ่มยูโรโซน  

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง