เนื้อหาวันที่ : 2011-05-06 09:21:40 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2017 views

911 จีที3 อาร์เอส 4.0 เต็มสมรรถนะมอเตอร์สปอร์ต

ปอร์เช่เอจี เตรียมเผยโฉม 911 จีที3 อาร์เอส 4.0 เอาใจแผนพันธ์แท้ปอร์เช่ ด้วยรถยนต์ในสายการผลิตที่มีดีกรีสมรรถนะเสมือนรถแข่ง

ปอร์เช่เอจี เตรียมเผยโฉม 911 จีที3 อาร์เอส 4.0 เอาใจแผนพันธ์แท้ปอร์เช่ ด้วยรถยนต์ในสายการผลิตที่มีดีกรีสมรรถนะเสมือนรถแข่ง

ปอร์เช่เอจี เตรียมเผยโฉม 911 จีที3 อาร์เอส 4.0 (911 GT3 RS 4.0) รถยนต์รุ่นที่โด่งดังและเป็นที่ปรารถนาของแฟนพันธุ์แท้ปอร์เช่ อีกทั้งยังถือได้ว่าเป็นรถยนต์ในสายการผลิตที่มีดีกรีสมรรถนะเสมือนรถแข่งเลยทีเดียว การผลิตจะมีขึ้นในจำนวนจำกัด (Limited) ที่ 600 คันทั่วโลกเท่านั้น

911 จีที3 อาร์เอส 4.0 (911 GT3 RS 4.0) คันใหม่นี้ถือได้ว่าเป็นรุ่นที่รวบรวมเอาสมรรถนะและศักยภาพของปอร์เช่ 911 จีที3 (911 GT3) ที่ใช้บนท้องถนนทั้งหมดที่เหนือชั้นมาผสมผสานเข้ากับสมรรถนะของรถที่ได้รับชัยชนะบนสนามแข่งไว้ด้วยกันอย่างลงตัว รถรุ่นใหม่คันนี้จะเต็มไปด้วยสมรรถนะและเทคโนโลยีของมอเตอร์สปอร์ตอย่างเต็มพิกัด ไม่ว่าจะเป็นการนำเอาเพลาข้อเหวี่ยงของเครื่องยนต์ 6 สูบในรถแข่ง 911 จีที 3 อาร์เอสอาร์ (911 GT3 RSR) มาใช้

อีกทั้งก้านลูกสูบยังทำจากไทเทเนี่ยมที่ทันสมัยอีกด้วย เครื่องยนต์มีขนาด 4 ลิตรและถือได้ว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดสำหรับรุ่น 911 ตั้งแต่เคยมีมา ส่งผลให้รถยนต์คันนี้เต็มไปด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ที่สูงและมีกำลังสูงสุดถึง 368 กิโลวัตต์ (500 แรงม้า) ที่ 8,250 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 460 นิวตันเมตรที่รอบเครื่องยนต์ 5,750 รอบต่อนาทีเลยทีเดียว

          911 จีที3 อาร์เอส 4.0 (911 GT3 RS 4.0) นำเสนอสมรรถนะของรถและเครื่องยนต์ที่น่าประทับใจด้วยการวิ่งรอบสนามแข่ง Nürburgring-Nordschleife ได้ในเวลาเพียงแค่ 7.27 นาทีเท่านั้น ระบบเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะที่ถูกปรับแต่งใหม่ให้รองรับกับเครื่องยนต์ได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งส่งผลให้เกิดอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาเพียงแค่ 3.9 วินาทีเท่านั้น และด้วยการออกแบบระบบเกียร์ให้มีสมรรถนะเหมือนรถแข่งบนสนามแข่งนี้เองที่ทำให้อัตราเร่งถึง 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ก่อน 12 วินาทีได้อย่างไม่ต้องสงสัย

          ความคล่องตัวในการขับขี่ที่ดีเยี่ยมของ 911 จีที3 อาร์เอส 4.0 (911 GT3 RS 4.0) ได้มาจากการทำงานร่วมกันของทุกๆ ชิ้นส่วนในทุกๆ รายละเอียดของรถได้อย่างดีเยี่ยมและลงตัว เพิ่มเติมด้วยการใช้ชิ้นส่วนของช่วงล่างอย่างรถแข่งอีกทั้งยังให้ความสำคัญอย่างมากต่อการรลดน้ำหนักของตัวรถลงด้วยการใช้วัสดุชิ้นส่วนที่มีน้ำหนักเบา

อาทิเช่น เบาะนั่งสปอร์ตแบบ bucket seat ฝากระโปรงหน้ารถรวมถึงครีบดักอากาศด้านหน้าทั้งสองด้านทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ กระจกด้านหลังทำจากพลาสติก พรมที่มีน้ำหนักเบา เป็นต้น ซึ่งหลักการลดน้ำหนักตัวรถนี้ทำให้น้ำหนักตัวรถที่รวมน้ำมันเต็มถังแล้วอยู่แค่เพียง 1,360 กิโลกรัมเท่านั้น อัตราส่วนของขุมพลังเครื่องยนต์ต่อน้ำหนักในรถคันนี้อยู่ที่ 2.72 กิโลกรัมต่อแรงม้า ซึ่งถือได้ว่าดีกว่ารุ่นเดิมอยู่ถึง 3 กิโลกรัมต่อแรงม้าเลยทีเดียว

          911 รุ่นที่มีจำนวนจำกัดนี้จะมาพร้อมกับสีขาวเป็นสีมาตรฐานให้กับรถและให้ความสำคัญในทุกๆ รายละเอียดของรูปลักษณ์ความเป็นรถแข่งที่มีความคล่องตัวสูง โดยมีลักษณะเด่นๆ ที่เป็นเอกลักษณ์คือฐานรถที่มีความกว้าง ช่วงล่างต่ำ ปีกทางด้านหลังขนาดใหญ่ที่มาพร้อมกับ plate ด้านข้าง

ปลายท่อไอเสียแบบคู่ถูกจัดวางให้อยู่ตรงกลางทางด้านหลังและความเหมาะสมของตัวรถตามหลักอากาศพลศาสตร์ ช่องดักอากาศทางด้านหน้ามีความโดดเด่นและเห็นได้อย่างชัดเจนถึงความเป็นวิศวกรรมยานยนต์ที่ถูกต้องตามหลักอากาศพลศาสตร์ทุกประการในรูปแบบของปอร์เช่เมื่อแรกเห็นเลยทีเดียว ทั้งยังช่วยในการเพิ่มแรงกดบนเพลาหน้า ที่ทำงานร่วมกับปีกหลังเพื่อความสมดุลของอากาศพลศาสตร์ได้อย่างสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ผลที่ได้คือเมื่อรถอยู่ในความเร็วสูงจะเกิดแรงกดที่ตัวรถตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นถึง 190 กิโลกรัม เพื่อเพิ่มแรงยึดเกาะและทรงตัวบนถนนได้อย่างดีเยี่ยมนั่นเอง