เนื้อหาวันที่ : 2011-04-18 11:56:54 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1984 views

BlueDIRECT สมรรถนะรูปตัว V

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ย้ำภาพผู้นำด้านเทคโนโลยีด้วยสมรรถนะรูปตัว V ของเครื่องยนต์ BlueDIRECT

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ย้ำภาพผู้นำด้านเทคโนโลยีด้วยสมรรถนะรูปตัว V ของเครื่องยนต์ BlueDIRECT

 - เครื่องยนต์ BlueDIRECT ใหม่จาก เมอร์เซเดส-เบนซ์ ผ่านการทดสอบอย่างทรหดยาวนานมากกว่าหนึ่งหมื่นชั่วโมง เพื่อความมีคุณค่าและสมรรถนะที่เพิ่มมากขึ้น ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน V6 และ V8 ใหม่ สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงน้อยกว่าเครื่องยนต์รุ่นเดิมมากกว่า 20%

ณ ศูนย์ทดสอบใน Stuttgart-Unterturkheim การปฏิบัติงานในแต่ละวัน คือ การนำเครื่องยนต์มาทดสอบการใช้งานอย่างหนักหน่วง ซึ่งที่นี่เครื่องยนต์จำนวน 72 เครื่อง จะถูกทดสอบการใช้งานอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมงทั้ง 7 วันในหนึ่งอาทิตย์ และเมื่อทีมงานวิศวกรเริ่มให้เครื่องยนต์ทำงาน ท่อไอเสียและแคตตาไลติกคอนเวอร์เตอร์จะเปลี่ยนเป็นสีแดงภายในเวลาไม่กี่วินาที ขณะที่ความร้อนภายในระบบไอเสียพุ่งขึ้นสูงถึง 900 องศาเซลเซียส

การทดสอบสามารถจำลองสถานการณ์ในการใช้งานเครื่องยนต์ได้ถึง 3 รูปแบบจากการสตาร์ทเครื่องยนต์ในสภาพอุณหภูมิที่เย็นจัด ท่ามกลางการจราจรที่ติดขัดไปจนถึงการเดินทางอย่างต่อเนื่อง เครื่องยนต์แบบ 8 สูบรุ่นใหม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้พิสูจน์สมรรถนะของตัวเองในทุกๆ สภาพการณ์มากกว่า 52,000 ชั่วโมง นอกเหนือจากการทดสอบการใช้งานบนท้องถนนที่คิดเป็นระยะทางยาวไกลถึง 7ล้านกิโลเมตร

รวมถึงทดสอบการขับขี่ในสภาพอากาศที่ร้อนจัดของ Death Valley ในสหรัฐอเมริกา และในสนามทดสอบความเร็วสูงใน Nardo ทางตอนใต้ของประเทศอิตาลี เพื่อให้เกิดความมั่นใจอย่างสูงสุดว่าเครื่องยนต์เบนซิน BlueDIRECT แบบ V8 สามารถบรรลุถึงความยอดเยี่ยมทั้งในด้านของคุณภาพการขับขี่ อายุการใช้งานยาวนานและประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุด

ตามที่ผู้พัฒนาความก้าวหน้านี้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับ “แรงบิดสูงในรอบเครื่องที่ต่ำ” “ระบบ direct-start” และ “ปั๊มน้ำมันหล่อลื่นที่เปลี่ยนแปลงได้” สถิติตัวเลขที่ได้จากการทดสอบเครื่องยนต์ใหม่เป็นสิ่งที่นำความพึงพอใจมาให้อย่างมาก กำลังแรงม้าเพิ่มขึ้นเป็น 320 กิโลวัตต์ เพิ่มขึ้นจากเครื่องยนต์รุ่นก่อนหน้านี้ประมาณ 12%

1. เครื่องยนต์ BlueDIRECT 6 สูบรุ่นใหม่ หรือ The new V-engine generation (The new V6 engine)

ขณะที่อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงลดลงถึง 22% โดยเครื่องยนต์นี้จะถูกนำไปใช้รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์รุ่น CL-Class ใหม่ ทำให้สามารถประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มมากขึ้นกว่า 3 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร

ขั้นตอนหนึ่งในการพัฒนาเครื่องยนต์ V8 ใหม่นี้เกี่ยวข้องกับการลดขนาดหรือ downsizing ความจุกระบอกสูบถูกลดลง 0.8 ลิตร เหลือเท่ากับ 4,663 ซีซี เพื่อผลทางด้านการลดความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง อีกสิ่งหนึ่งที่ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองให้กับเครื่องยนต์ใหม่นี้คือ แรงบิดสูงสุดของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้นเป็น 700 นิวตันเมตร เพียงพอที่จะเรียกรอยยิ้มให้เกิดขึ้นบนใบหน้าของผู้ขับขี่ทุกครั้งที่กดแป้นคันเร่งลงไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับแต่งเทอร์โบชาร์จสองตัวใหม่ทำให้สามารถเรียก 85% ของพละกำลังทั้งหมดที่มีอยู่มาใช้งาน เพียงแค่แตะคันเร่งลงไปเบาๆ เท่านั้น

สำหรับเครื่องยนต์ BlueDIRECT 6 สูบรุ่นใหม่ก็มีประสิทธิภาพที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ถึงแม้ว่าไม่มีเทอร์โบชาร์จช่วยในการอัดอากาศให้กับเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบนี้ก็ตาม โดยเครื่องยนต์ที่ใช้อากาศปกตินี้ถูกติดตั้งด้วยท่อรวมไอดีที่พัฒนาให้มีความผันแปรความยาวของท่ออากาศโดยอัตโนมัติเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการขับขี่ ทั้งนี้สามารถปรับได้เป็น 3 ระดับ สั้น ปานกลาง หรือยาว เพื่อให้เครื่องยนต์สามารถบรรลุถึงการทำงานที่มีความสมดุลระหว่างแรงบิดสูงในรอบต่ำและแรงม้าสูงที่รอบเครื่องยนต์สูงสุด

2. เครื่องยนต์ BlueDIRECT 8 สูบรุ่นใหม่ The new V-engine generation (The new V8 engine)

กำลังแรงม้า 225 กิโลวัตต์ที่ได้จากเครื่องยนต์ V6 ความจุ 3.5 ลิตร เป็นความยอดเยี่ยมเช่นเดียวกับตัวเลขค่าความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง เครื่องยนต์ 6 สูบรุ่นใหม่ใน S-Class เป็นตัวอย่างที่ดี โดยเครื่องยนต์ V6 ถูกนำไปใช้งานใน S 350 ซึ่งมีกำลังแรงม้าเพิ่มขึ้น 25 กิโลวัตต์ มีความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงมีเพียง 7.6 ลิตร ต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร เทียบกับเครื่องยนต์เดิมแล้วประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้นถึง 24%

“พละกำลังมากขึ้นขณะที่กินน้ำมันน้อยลง” เป็นทฤษฎีที่อยู่เบื้องหลังเครื่องยนต์ BlueDIRECT ทั้งสองเครื่อง ในยุโรปตะวันตกเครื่องยนต์ทั้งสองสามารถใช้งานร่วมกับฟังก์ชั่นระบบ Start/Stop และยังสามารถนำไปใช้เป็นส่วนประกอบหลักของระบบขับเคลื่อนไฮบริดได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย

เครื่องยนต์ V6 และ V8 ใหม่ ประกอบด้วยนวัตกรรมทางเทคโนโลยีใหม่จำนวนมาก รวมถึงการใช้ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบไดเร็คอินเจ็คชั่นที่พัฒนาให้ก้าวหน้ามากขึ้นพร้อมการฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงสู่ห้องเผาไหม้แบบ สเปรย์ เป็นเจนเนอเรชั่นที่สามซึ่งถูกนำมาใช้ในเมอร์เซเดส-เบนซ์ หัวฉีด piezo มีบทบาทสำคัญในหน้าที่นี้

3. ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบไดเร็คอินเจ็คชั่นที่พัฒนาให้ก้าวหน้ามากขึ้นพร้อมการฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงสู่ห้องเผาไหม้แบบสเปรย์ ซึ่งถูกนำมาใช้ในเมอร์เซเดส-เบนซ์

ภายในหัวฉีด piezo ใช้คริสตัลเซรามิคในการควบคุมเข็มหัวฉีด โดยโครงสร้างของคริสตัลจะเปลี่ยนไปในเวลาเพียงหนึ่งในหนึ่งล้านวินาทีภายใต้แรงดันไฟฟ้า เพื่อให้ปริมาณการฉีดจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปยังห้องเผาไหม้เป็นไปอย่างถูกต้องแม่นยำมากที่สุด โดยขึ้นอยู่กับโหมดการทำงาน

หัวฉีดนี้สามารถที่จะส่งน้ำมันเชื้อเพลิงในสภาพของละอองสเปรย์ที่มีอนุภาคขนาดเล็กเป็น 5 เท่าต่อปริมาณที่ต้องการใช้ ทำให้เกิดการผสมผสานที่เหมาะสมต่อการทำงานและความเร็วของรอบเครื่องยนต์ การเผาไหม้ที่มีประสิทธิภาพได้รับการช่วยเหลือให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้นเมื่อวิธีการนี้ถูกนำมาใช้ร่วมกับระบบจุดระเบิดที่มีการทำงานที่รวดเร็วขึ้น แม่นยำขึ้นสามารถจุดระเบิดได้มากถึง 4 ครั้งในเวลาเพียงหนึ่งในพันของหนึ่งวินาที โดยระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงและระบบจุดระเบิดนี้ช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงได้มากกว่า 4%

เมื่อ กอตต์ลีบ เดมเลอร์ และ วิลเฮล์ม มายบัค สร้างเครื่องยนต์ลูกสูบเดียวขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อ 125 ปีก่อน ไม่มีใครคาดคิดว่า ณ วันนี้คอมพิวเตอร์สมรรถนะสูงจะเข้ามามีบทบาทในการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์ BlueDIRECT ใหม่นี้ สิ่งนี้ประกอบด้วยปั๊มน้ำมันหล่อลื่นที่ปรับเปลี่ยนได้ ซึ่งจะส่งปริมาณน้ำมันหล่อลื่นไปใช้งานตามความเร็วรอบของเครื่องยนต์อย่างแท้จริง

การออกแบบปั๊มน้ำซึ่งใช้กำลังในการขับเคลื่อนที่น้อยลง โซ่ที่ใช้ในการขับเคลื่อนเพลาลูกเบี้ยวและเพลาข้อเหวี่ยงเป็นอีกส่วนหนึ่งที่คอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทในการกำหนดกำลัง และเพื่อลดการเสียดสีและการทำงานที่เงียบมากขึ้น ระบบนี้ยังใช้โซ่ขนาดสั้นสามเส้นแทนการใช้โซ่แบบยาวเส้นเดียวที่ใช้กันอยู่โดยทั่วไป ทั้งหมดนี้ถือเป็นหนึ่งในนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมภายใต้แนวคิด BlueEFFICIENCY ที่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ให้ความสำคัญมาโดยตลอด