เนื้อหาวันที่ : 2011-03-14 17:40:02 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 3850 views

เจโทร เผย 3 ธุรกิจน่าลงทุนในญี่ปุ่น

เจโทร ไม่หวั่นเหตุแผ่นดินไหวชู 3 ธุรกิจเด่นน่าลงทุนในญี่ปุ่นหนุนเศรษฐกิจไทยโตผ่านการลงทุนในญี่ปุ่น เสนอโอกาสดีเยี่ยมในสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ก้าวหน้า

เจโทร ไม่หวั่นเหตุแผ่นดินไหวชู 3 ธุรกิจเด่นน่าลงทุนในญี่ปุ่นหนุนเศรษฐกิจไทยโตผ่านการลงทุนในญี่ปุ่น เสนอโอกาสดีเยี่ยมในสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ก้าวหน้า

องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น หรือ เจโทร กรุงเทพฯ เผยข้อมูล 3 ธุรกิจน่าลงทุนในญี่ปุ่น เพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยผ่านการลงทุนในญี่ปุ่น ทั้งนี้ ญี่ปุ่นยังคงนำเสนอโอกาสทางธุรกิจที่ดีเยี่ยมในสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่เจริญก้าวหน้าอย่างมาก แม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศเมื่อเร็วๆ นี้

เนื่องด้วยวิสัยทัศน์และประสบการณ์ที่ผ่านมา ทำให้ญี่ปุ่นจึงมีการเตรียมการมาอย่างดีเพื่อรับมือกับความเสี่ยงในกรณีต่างๆ จึงสามารถดำเนินแผนสำรองและฟื้นฟูสาธารณูปโภคที่สำคัญได้อย่างทันการณ์เพื่อให้สภาพแวดล้อมทางธุรกิจและสังคมดำเนินไปอย่างราบรื่นดังที่ผ่านมา

มร. มูเนโนริ ยามาดะ ประธาน เจโทร กรุงเทพฯ กล่าวว่า “ขณะนี้ มีธุรกิจต่างชาตินับไม่ถ้วนที่ประสบความสำเร็จจากการลงทุนในญี่ปุ่น ธุรกิจที่น่าลงทุนในญี่ปุ่นโดยมีโอกาสประสบความสำเร็จสูงได้แก่ 1) Innovation Hub หรือ R&D Center ที่เชื่อมโยงเอเชียกับทั่วโลก และเอื้อให้ประเทศไทยสามารถยกระดับเทคโนโลยีได้

2) Business Platform ซึ่งญี่ปุ่นจึงเป็นฐานที่ดียิ่งสำหรับเอกชนไทยในการแข่งขันกับประเทศต่างๆ ในเอเชีย อาทิ จีน อินเดีย เกาหลีใต้ และซีกโลกตะวันตก 3) Trendsetter เพราะญี่ปุ่นมีตลาดที่กำหนดความนิยมในด้านแฟชั่น, มีเดียคอนเทนท์, การรักษาพยาบาล และเครื่องจักรอันทันสมัย

ดังนั้น เอกชนไทยจึงสามารถทดสอบการตอบรับต่อสินค้าและบริการก่อนเข้าสู่ตลาดในเอเชียและตลาดโลกได้ในญี่ปุ่น ซึ่งการที่เปิดสาขาในญี่ปุ่น ทำให้ธุรกิจเหล่านี้มีโอกาสที่ดีในการดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคชาวญี่ปุ่น รวมถึงนักธุรกิจต่างชาติ ผู้นำเทรนด์แฟชั่น & ไลฟ์สไตล์ และนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก จึงมีโอกาสสูงสำหรับการเพิ่มยอดขาย ส่งออก และขายแฟรนไชส์ต่อยอดธุรกิจ”

คุณชนิตร ชาญชัยณรงค์, CFA, ผู้ช่วยผู้จัดการ กลุ่มงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ, กล่าวว่า “สำหรับธุรกิจที่ประสบกับข้อจำกัดทางการเงิน ตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้ร่วมมือกับ Tokyo Alternative Investment Market (Tokyo AIM) ในการอำนวยความสะดวกธุรกิจในการระดมทุนผ่านตลาดทุน

ซึ่งข้อได้เปรียบของการระดมทุนด้วยวิธีนี้คือการที่บริษัทจะสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยบริษัทสามารถระดมทุนได้จากทั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตลาดหลักทรัพย์ฯ ของประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ เงื่อนไขสำหรับการจดทะเบียนและเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สองแห่งพร้อมกัน (Dual-listing) ก็ได้รับการพัฒนาให้เรียบง่าย เพื่อสนับสนุนธุรกิจไทยในการขยายกิจการไปยังประเทศญี่ปุ่น”

มร. ยามาดะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “การใช้ชีวิตในญี่ปุ่นนั้นสะดวกสบายเนื่องจากมีสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างหลากหลาย สิ่งแวดล้อมทางธุรกิจก็ดีพร้อม ด้วยความโปร่งใสของการประกอบธุรกิจ อำนาจในการจับจ่ายสินค้าและบริการ และขนาดของเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ การดำเนินธุรกิจก็ยังได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลไทย รัฐบาลญี่ปุ่น และเจโทรพร้อมด้วยหน่วยงาน Invest Japan Business Support Center (IBSC) อาทิ การให้พื้นที่สำนักงานชั่วคราวในประเทศญี่ปุ่นฟรี แนะนำบริการสรรหาบุคลากร แนะนำเรื่องการขอใบอนุญาตทำงาน และเรื่องการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท”