เนื้อหาวันที่ : 2011-02-22 14:18:33 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 4040 views

ย้อนรอยอโยธยาสู่…หงสาวดี

จากฉากสุดยิ่งใหญ่อลังในตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช สู่สถานที่ท่องเที่ยวสุดพิเศษที่จะทำให้คุณได้หวนรำลึกถึงบรรพบุรุษไทย

เรื่อง/ภาพ : พิสิษฐ์ ช่อชิต

หลังจากนั่งดูภาพยนตร์ของหม่อมเจ้าชาตรี เฉลิมยุคล เรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทั้ง 2 ภาค (กำลังรอภาคต่อ) อยู่หลายรอบจนแผ่นแทบจะสึก เพราะอดประทับใจกับเนื้อเรื่อง และฉากที่แสนจะละเอียดอลังการงานสร้างจนนึกว่าเป็นของจริงทั้งหมด ทำให้หลายๆ รอบที่ดูอดคิดไม่ได้ว่าฉากไหนเป็นกราฟฟิก ฉากไหนเป็นของจริง หรือจะเป็นสถานที่จริงทั้งหมด ด้วยความสงสัยมากมายเลยเสาะหาข้อมูลต่างๆ จนทำให้รู้ว่าสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากกรุงเทพนี่เอง เห็นทีจะต้องรีบไปพิสูจน์ให้เห็นกับตาที่ โรงถ่ายภาพยนตร์พร้อมมิตร ฟิล์ม สตูดิโอ จ.กาญจนบุรี

เผลอแผล็บเดียวก็มานั่งอยู่บนรถที่กำลังมุ่งหน้าเข้าสู่ จ.กาญจนบุรี ก่อนอื่นขอบอกทุกท่านที่คิดจะมาเที่ยวที่นี่ได้เลยว่าไม่ต้องกลัวหลงทางเพราะท่านจะเห็นป้ายบอกทางของโรงถ่ายภาพยนตร์พร้อมมิตร ฟิล์มแบบต่างๆ เรียงรายอยู่เกือบตลอดข้างทางตั้งแต่เริ่มเข้าเขต จ.กาญจนบุรี เลยทีเดียว

แต่เดิม โรงถ่ายภาพยนตร์พร้อมมิตร ฟิล์ม สตูดิโอ ที่แสนอลังการแห่งนี้ เป็นพื้นที่ป่ารกร้างกว่า 2,000 ไร่ ในเขตของกองพลทหารราบที่ 9 (ค่ายสุรสีห์) ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี แต่ด้วยความละเอียดพิถีพิถันของทีมงาน ที่ได้ทำการศึกษาค้นคว้าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์จนเนรมิตให้พื้นที่ดังกล่าวกลายเป็นโรงถ่ายภาพยนตร์ระดับมาตรฐานโลก จึงไม่แปลกเลยที่จะทำให้พื้นที่แห่งนี้เลื่อนชั้นจากอดีตป่ารกร้างกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งของ จ.กาญจนบุรี ไปโดยปริยาย

พอล้อหยุดหมุน ก็ต้องมาติดต่อซื้อบัตรที่อาคารต้อนรับ จากนั้นเราเริ่มต้นกันที่ตลาดโยเดียเป็นจุดแรก ก็เหมือนว่าตัวเองหลุดเข้าไปอยู่ในยุคสมัยนั้นแล้ว เพราะตั้งแต่ของกินไปจนถึงพ่อค้าแม่ค้าต่างพากันแต่งตัวแต่งร้านแบบย้อนยุคกันหมด แถมคูปองสำหรับซื้อของในตลาดก็เก๋ เพราะใช้เบี้ย (เปลือกหอย) แทนคูปองธรรมดา พอพักผ่อนแถมอิ่มท้องกันแล้วก็เริ่มออกเดินทางไปได้แค่นิดเดียว จะพบกับฉากวัดมหาเถรคันฉ่องโดยจุดเด่นอยู่ที่ห้องเก็บศาตราวุธ (พระแสงปืนต้นข้ามแม่น้ำสะโตง) บนกุฏิมหาเถรคันฉ่อง และบริเวณลานหน้ากุฏิที่ใช้สำหรับฝึกวิชาสมัยสมเด็จพระนเรศวรยังเป็นบวชเป็นเณรอยู่ที่วัดนี้

หลังจากพ้นเขตวัดก็จะพบกับความอลังการของกำแพงเมืองหงสาวดีที่ล้อมรอบด้วยแนวคูเมืองทอดยาวสวยงาม แถมสะพานเข้าเมืองยังมีซุ้มประตูเมืองที่ใหญ่โตสวยงามด้วยศิลปะแบบมอญ มองไปบนแนวกำแพงเมืองก็จะเห็นปืนใหญ่ประจำแต่ละจุดอย่างเป็นระเบียบ ทำให้บริเวณแนวกำแพงเมือง และประตูเมืองกลายเป็นมุมมหาชนที่ตากล้องหลายคนไม่พลาด เมื่อเข้าตัวเมืองสิ่งแรกที่สะดุดคงไม่พ้นเจ้าสิงห์ยักษ์สีขาว 2 ตัวที่นั่งยิ้มรอเป็นแบบให้กับนักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูป แต่ก่อนจะถึงรูปปั้นสิงห์เราจะผ่านอาคารแสดงนิทรรศการ เป็นอาคารแสดงภาพถ่ายสวยๆ ของเหล่าบรรดาดารานักแสดงจากภาพยนตร์เรื่องนี้

จากนั้นเดินเข้าไปด้านไม่ไกลกันมากนัก จะพบกับฉากจำลองพระราชวังมัณฑะเลย์ เพื่อเข้าไปชมความงดงามอลังการของสีหสาสนบัลลังก์ที่ได้จำลองมาจากประเทศพม่า หากใครเกิดอยากหล่ออยากสวยแบบนักแสดงในภาพยนตร์เค้าก็มีจุดบริการถ่ายรูปที่ระลึก (เสียค่าบริการ) ให้กับนักท่องเที่ยวโดยสามารถเลือกใส่ชุดแบบเดียวกับนักแสดงในภาพยนตร์ และเมื่อเดินเลยลงไปด้านล่างของสีหสาสนบัลลังก์จะเป็นฉากคุกใต้ดินเมืองหงสาฯ

ทางด้านหลังฉากพระราชวังมัณฑะเลย์จะเป็นฉากตำหนักพระนเรศวร ซึ่งฉากนี้ไม่สามารเข้าชมแบบใกล้ชิดได้ เพราะเจ้าหน้าที่ได้กั้นพื้นที่บางส่วนให้เป็นสตูดิโอขนาดย่อมๆ สำหรับถ่ายรูปให้กับนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการ เดินออกจากฉากตำหนักพระนเรศวรไปด้านในจะเป็นฉากพระราชวังพระยาระแวก และไม่ไกลกันมากนักเป็นฉากสรรเพชรปราสาท ที่ที่ภายในก็มีความสวยงามอลังการไม่แพ้ทางฝั่งพม่าเช่นกัน แถมบริเวณนี้ยังมีจุดให้บริการนักท่องเที่ยวไว้เลือก ขี่ช้าง ขี่ม้า นั่งเกวียน ได้ หรือใครกลัวตกช้าง ตกม้า ก็อาจไปลองยิงปืนไฟโปรตุเกสที่อยู่ใกล้ๆ กันก็ได้ (เสียค่าบริการ) ขณะเดียวกันหากมองไปด้านข้างก็จะพบกับแนวกำแพงเมืองอโยธยาที่มีซุ้มประตูทางเข้าสวยงามแบบไทยให้ชื่นชมเช่นกัน

เดินเลยออกนอกกำแพงเมืองอโยธยา ก็เห็นบ้านเรือนเยอะแยะ นึกว่าเป็นหมู่บ้านแถวโรงถ่ายฯ แต่พอดูให้ดีๆ ปรากฏว่าเป็นฉาก เลยต้องกางแผนที่ดูถึงรู้ว่าที่จริงเป็นฉากหมู่บ้านอโยธยา เพราะสภาพเหมือนมีคนอาศัยอยู่จริงมาก แถมบางส่วนก็มีการเผาทิ้งกันจริงๆ อีกเช่นกันเพื่อประกอบฉากบางฉากเพียงไม่กี่นาที ถึงตอนนี้แล้วหากใครเมื่อยก็สามารถยืนรอรถบริการที่วิ่งวนอยู่ในโรงถ่ายฯ นี้ได้โดยไม่เสียค่าบริการ ซึ่งจริงๆ แล้วถ้าท่านพาผู้สูงอายุมาด้วยก็สามารถพาขึ้นรถบริการนี้ตั้งแต่เริ่มเข้าในโรงถ่ายฯเลยก็ได้ ขึ้นลงตรงไหนได้หมดแถมวิ่งทิ้งระยะกันไม่นานก็มาให้บริการแล้ว

นั่งรถกลับมาที่อาคารต้อนรับ หากท่านใดอยากได้ของที่ระลึก ไม่ว่าจะเป็น หมวก เสื้อ ร่ม ฯลฯ ติดมือติดไม้กลับบ้านไปด้วยที่นี่ก็มีร้านจำหน่ายของที่ระลึกใกล้ๆ กับอาคารต้อนรับ ส่วนด้านจะหลังร้านขายของที่ระลึกจะเป็นโรงเก็บอุปกรณ์ประกอบฉาก ซึ่งที่นี่จะเป็นอีกที่ที่บ่งบอกถึงความใส่ใจในละเอียดของการทำงานของทีมงาน เพราะไม่ว่าจะเป็น แก้ว จาน ถ้วย โถ ชาม ดาบ โล่ห์  ฯลฯ ล้วนแต่สวยงามสมจริงเกือบทั้งหมด เดินดูอุปกรณ์ประกอบฉากจนลายตาได้ไม่นานก็มายืนอยู่หน้าฉากตำหนักบุเรงนอง (ติดกับโรงเก็บอุปกรณ์ประกอบฉาก) มั่นใจได้เลยว่าตากล้องหลายคนคงไม่พลาดอีกจุดอย่างแน่นอน เพราะลวดลายแกะสลักสีทองอร่ามของทุกส่วนในตำหนักสวยงามจริงๆ

ตลอดทางขากลับ อดคิดไม่ได้ว่าที่จริงต้องการจะมาดูเพราะอยากรู้ว่าตรงไหนจริง ตรงไหนปลอม ตรงไหนกราฟฟิกแต่คำตอบที่ได้รับกลับกลายเป็นความชื่นชมความตั้งใจในการทำงานของทีมงานทุกคนในภาพยนตร์ไทยเรื่องนี้ และอีกสิ่งที่สำคัญที่ได้จากการท่องเที่ยวคราวนี้นั่นคือ ทำให้เราไม่ลืมรากเหงาที่บรรพบุรุษของเราได้เสียสละสิ่งต่างๆ มากมาย เพื่อดำรงไว้ซึ่งเอกราชของแผ่นดินจนมาถึงเราทุกวันนี้ ดังนั้นจึงอยากจะขอเชิญชวนให้คุณมาสัมผัสกับความสวยงามอลังการของโรงถ่ายภาพยนตร์พร้อมมิตร ฟิล์ม สตูดิโอ แห่งนี้เพื่อค้นหาคำตอบของคุณเอง ส่วนผมจะไปหาหนังเรื่องนี้มาดูอีกรอบดีกว่า

การเดินทาง
- กองถ่ายทำภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวรตั้งอยู่ที่ตำบลลาดหญ้า อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 24 กิโลเมตร จากตัวเมือง ใช้เส้นทางกาญจนบุรี - เขื่อนศรีนครินทร์ (ทาง 3199) ประมาณ 18 กิโลเมตร ถึงสี่แยกลาดหญ้า มีทางแยกขวาผ่านค่ายทหารไปอีก 3 กิโลเมตร ถึงทางเข้าให้เลี้ยวขวาไปอีก 2 กิโลเมตร
- อัตราค่าเข้าชม คนไทย 100 บาท ชาวต่างชาติ 200 บาท เด็กอายุไม่เกิน 12 ปี 50 บาท
- เวลาปิด - เปิด : 10.00 - 17.00 น.
- เบอร์ติดต่อ สำนักงานกาญจนบุรี : 034-532-057 ถึง 8 หรือหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.prommitrfilmstudio.com