เนื้อหาวันที่ : 2011-02-17 11:30:26 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 853 views

ภาวะเศรษฐกิจประจำวันที่ 17 ก.พ. 2554

1. ธนาคารกสิกรไทยหนุนผู้ส่งออกบุกตลาดใหม่ หวังลดความเสี่ยงทางการค้า
-  ธนาคารกสิกรไทยเปิดเผยว่า วิกฤตสถาบันการเงินในช่วงที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดส่งออกหลักของไทย ได้แก่ อเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น ซึ่งมีสัดส่วนรวมสูงกว่าร้อยละ 60 ของการส่งออกรวมของไทย  เนื่องจากความต้องการสินค้าชะลอตัวลง และมีการแข่งขันด้านราคาสูงส่งผลกระทบต่อปริมาณการส่งออกและผลกำไร

ดังนั้น ธนาคารฯจึงออกแคมเปญเพื่อช่วยเหลือผู้ส่งออกที่ต้องการขยายธุรกิจไปยังกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ทั่วโลก ทั้งจากทวีปแอฟริกา ยุโรปตะวันออก ตะวันออกกลาง ลาตินอเมริกา และเอเชีย เพื่อให้ผู้ส่งออกได้สร้างโอกาสทางการค้า
 
-  สศค.วิเคราะห์ว่า มูลค่าการส่งออกของไทยในปี 53 ขยายตัวร้อยละ 28.1 จากปี 52 ที่หดตัวร้อยละ -14.3 จากหมวดยานพาหนะ อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ขยายตัวได้ดี โดยตลาดส่งออกจีนมีสัดส่วนสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งขยายตัวร้อยละ 33.2 เมือเทียบกับ  52 ขณะที่ อเมริกาและยุโรป ลงมาเป็นอันดับ 3 และ 4  ทั้งนี้ สศค.คาดว่า ในปี 54 มูลค่าการส่งออกจะ ขยายตัวร้อยละ 13.2 (ช่วงคาดการณ์ 12.2-14.2) 

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยที่ต้องระวัง คือ การเคลื่อนย้ายเงินทุนที่รวดเร็วอาจส่งผลกระทบความผันผวนของค่าเงิน ราคาน้ำมันที่อาจปรับตัวสูงขึ้นจะส่งผลต่อต้นทุนการผลิตสินค้า ตลอดจนภาวะเศรษฐกิจโลกที่อาจฟื้นตัวอย่างเปราะบาง โดยสศค.คาดว่าเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า 14 ประเทศ (สัดส่วน 78.2 ของการส่งออกทั้งหมด) จะขยายตัวร้อยละ 3.3 ในปี 54 นำโดยเศรษฐกิจจีนและกลุ่มอาเซียนเป็นหลัก
 
2.   ธนาคารโลกเตือน ราคาอาหารโลกถึงระดับอันตราย
-  ประธานธนาคารโลก เผยว่าในช่วงปี 53 ที่ผ่านมา ราคาอาหารโลกสูงขึ้นไปถึงร้อยละ  29  เมื่อเทียบกับปี 52 ต่ำกว่าช่วงที่เกิดวิกฤติราคาอาหารโลกเมื่อปี 51 เพียงร้อยละ 3 เท่านั้น  ซึ่งการที่ราคาอาหารโลกสูงขึ้น ส่งผลกระทบอย่างมากต่อประชาชนในประเทศกำลังพัฒนา

เนื่องจากประชากรในประเทศเหล่านี้ใช้จ่ายครึ่งหนึ่งของรายได้ไปกับค่าอาหาร และยังวิตกกังวลว่าบางประเทศอาจมีปฏิกิริยาต่อปัญหาราคาอาหารแพงด้วยการห้ามส่งออกอาหารหรือใช้มาตรการควบคุมอาหาร ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น จะยิ่งทำให้ปัญหาราคาอาหารแพงเลวร้ายยิ่งขึ้น
 
-  สศค.วิเคราะห์ว่า ราคาอาหารโลกปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือน มิ.ย. 53 เป็นต้นมา โดยล่าสุดดัชนีราคาอาหารโลก (FAO Food Price Index) เดือน ม.ค. 54 อยู่ที่ระดับ 231 ปรับตัวสูงขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 คิดเป็นการขยายตัวร้อยละ 28.3 โดยมีสาเหตุหลักมาจาก การปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีราคาธัญญาหาร เนื้อสัตว์ และน้ำตาล ที่ขยายตัวร้อยละ 43.7 18.1 และ 11.9 ตามลำดับ โดยการปรับตัวเพิ่มขึ้นดังกล่าวเป็นผลมาจากแหล่งผลิตอาหารที่สำคัญ

ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์ลานินญ่า  ทำให้สภาพภูมิอากาศแปรปรวน ผลผลิตได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ผลกระทบดังกล่าวอาจจะทำให้อัตราเงินเฟ้อของไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ โดย สศค.คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 54 จะขยายตัวที่ร้อยละ 3.5 โดยในกรณีสูงอาจขยายตัวได้ถึงร้อยละ 4.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน

3.  ยอดค้าปลีกสหรัฐ เดือน ม.ค. ขยายตัวต่ำกว่าที่คาด
-  สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่ายอดค้าปลีก ณ เดือน ม.ค. 54 ขยายตัวที่ระดับร้อยละ 0.3 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อน ต่ำกว่าที่คาดการไว้ที่ระดับร้อยละ 0.5 ต่อเดือน ถือเป็นการขยายตัว  ที่ลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน มิ.ย. 53 ทั้งนี้ ยอดค้าปลีกที่ขยายตัวลดลงมีสาเหตุสำคัญจากสภาวะอากาศที่หนาวจัดได้ส่งผลกระทบต่อยอดขายของธุรกิจร้านอาหารและวัสดุก่อสร้าง  นอกจากนี้ การปรับขึ้นของราคาอาหารและน้ำมันมีส่วนทำให้ภาคครัวเรือนลดการบริโภคสินค้าฟุ่มเฟือยลง
 
-  สศค. วิเคราะห์ว่าสภาวะอากาศหนาวจัดในสหรัฐ ช่วงเดือน ม.ค. 54 ได้ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะยอดค้าปลีกที่ขยายตัวลดลงและการจ้างงานนอกเกษตร ณ เดือน ม.ค. ที่เพิ่มขึ้นเพียง 36,000 ตำแหน่ง ลดลงจากเดือน ธ.ค. 53 ที่เพิ่มขึ้นถึง 121,000 ตำแหน่ง

อย่างไรก็ดี ตัวเลขการว่างงานภาพรวมล่าสุด ณ เดือน ม.ค. ที่ปรับลดลงเหลือร้อยละ 9.0 จากร้อยละ 9.4 ในเดือนก่อน ประกอบกับนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย (QE2) เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจและแนวโน้มยอดการซื้อขายที่พักอาศัยที่ขยายตัวดีขึ้นในช่วงเดือน ม.ค. ถือเป็นสัญญาณที่ดีในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ทั้งนี้ สศค. คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐในปี 54 จะขยายตัวที่ระดับร้อยละ 2.7 ต่อปี

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง