เนื้อหาวันที่ : 2007-03-13 15:03:42 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 958 views

ราชบุรีฯ ปรับแผนธุรกิจรุกโรงไฟฟ้าเล็กป้อนนิคมอุตสาหกรรม

บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เผยแนวโน้มรายได้ปีนี้หลุดเป้า กำไรหด เตรียมทบทวนนโยบายใหม่ เล็กรุกผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กป้อนนิคมอุตสาหกรรม พร้อมบุกก่อสร้างโรงไฟฟ้าทั้งในและนอกประเทศ คาดปลายปีเห็นผลงานอย่างชัดเจน

 .

บริษัท ราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เผยแนวโน้มรายได้ปีนี้หลุดเป้า กำไรหด เหตุหยุดซ่อมโรงไฟฟ้า 4 แห่งเตรียมทบทวนนโยบายใหม่ เล็กรุกผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กป้อนนิคมอุตสาหกรรม พร้อมบุกก่อสร้างโรงไฟฟ้าทั้งในและนอกประเทศ  คาดปลายปีเห็นผลงานอย่างชัดเจน  ส่วนผลกำไรในปี  2550  ยอมรับรายได้หด 10% ยันปันผลจ่ายเพิ่มขึ้น เผยเตรียมงบ 2.5 หมื่นล้าน รองรับธุรกิจใน 5 ปี

 .

นายณรงค์  สีตสุวรรณ  กรรมการผู้จัดการบริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมทบทวนนโยบายการดำเนินธุรกิจ  โดยมีแผนที่จะเข้าประมวลการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) ในนิคมอุตสาหกรรมและแหล่งอุตสาหกรรมต่างๆ  เพื่อตอบสนองนโยบายของภาครัฐที่ให้การสนับสนุนภาคเอกชนก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนาดเล็กโดยคาดว่าปลายปีนี้น่าจะเริ่มเห็นผลงานอย่างชัดเจน

.

สำหรับสาเหตุที่บริษัทหันมารุกธุรกิจการประมูลก่อสร้างโรงไฟฟ้าในนิคมอุตสาหกรรม  เนื่องจากในอนาคตแนวโน้มความต้องการใช้ไฟฟ้านอกระบบ เช่น การใช้ไฟฟ้าในนิคมอุตสาหกรรมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น  ขณะที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าในระบบลดลงเรื่อย ๆ ทางขณะกรรมการของบริษัท  จึงมีการศึกษาและทบทวนนโยบายใหม่ จริง ๆ แล้วเราได้เตรียมความพร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้าเอสพีพีไว้แล้วแต่ในช่วงนี้ใกล้เปิดประมูลไอพีพี  เราก็ต้องจัดการให้แล้วเสร็จก่อน หลังจากนั้นคาดว่าปลายปีก็จะเริ่มมีความชัดเจนเรื่องประมูลเอสพีพี  ซึ่งการปรับแนวธุรกิจครั้งนี้  ถือว่าเป็นการทบทวนนโยบายการทำธุรกิจของราชบุรี  เพราะก่อนหน้านี้เรามีนโยบายชัดเจนว่าจะไม่เข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก นายณรงค์  กล่าว

.

ส่วนผลการดำเนินงานในปี  2550  นายณรงค์  กล่าวว่า  คาดว่ากำไรสุทธิจะลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนที่จะมีกำไรสุทธิ 6.1 พันล้านบาท  ขณะที่รายได้คาดว่าจะลดลงประมา 10% จากปี 2549  ที่มีรายได้ 5.1 หมื่นล้านบาท  โดยสาเหตุที่ผลการดำเนินงานลดลง  เนื่องจากในปีนี้บริษัทจะมีการหยุดซ่อมบำรุงใหญ่โรไฟฟ้า 4 โรง จำนวน 57 วัน  ในช่วงตั้งแต่เดือนมิถุนายน-ธันวาคม  ส่งผลให้กำลังการผลิตโดยรวมลดลง  อย่างไรก็ตามบริษัทมั่นใจว่าในปี 2551 รายได้จะขยายตัวมากขึ้นเนื่องจากจะมีกำลังการผลิตใหม่จากโรงไฟฟ้าราชบุรีเพาเวอร์  เข้ามาเพิ่ม ในส่วนของนโยบายการจ่ายปันผลนั้น  ยังคงรักษานโยบายการจ่ายปันผลอัตราที่เพิ่มขึ้น  แม้กำไรจะลดลง  แต่บริษัทยังมีกำไรสะสมอยู่  โดยมั่นใจว่าอัตราเงินปันผลงวดผลการดำเนินการงานปี  2550  จะสูงกว่าอัตราเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานปี  2549  ที่จ่ายปันผลรวมหุ้นละ 2.10 บาท นายณรงค์ กล่าว

.

นายณรงค์ยังได้กล่าวถึงแผนการลงทุนของบริษัทว่า  ขณะนี้ได้จัดสรรงบการลงทุนในช่วง 5 ปี (2550-2554) ไว้จำนวน 2.5 หมื่นล้านบาท เพื่อก่อสร้างโรงไฟฟ้าทั้งในและนอกประเทศ  ซึ่งเงินลงทุนดังกล่าวได้รวมการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าเอกชนรายใหม่ (IPP) ไว้แล้ว  โดยในปีนี้คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 2 พันล้านบาท  และปีหน้าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 3 พันล้านบาทอย่างไรก็ตามปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสดเพียงพอสำหรับการลงทุน  แต่ในอนาคตช่วงปี  2554  หากเงินทุนที่มีอยู่ไม่เพียงพออาจทำการกู้ยืมเงินเพื่อมาลงทุนได้

.

สำหรับความคืบหน้าในการเข้าร่วมประมูลไอพีพีรอบใหม่  บริษัทจะส่งทั้งตัวเองและบริษัทไตรเจนเนอจี้  เข้าร่วมประมูลในครั้งนี้ด้วย  โดยคาดว่าการประมูลจะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 2  ปี 2550  นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเข้าลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าในประเทศพม่า  ในเบื้องต้นคาดว่าจะเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ  โดยจะเข้าร่วมกับพันธมิตรเอกชนในประเทศไทยก่อสร้างโครงการดังกล่าว  ซึ่งขณะนี้บริษัทกำลังพิจารณาการลงทุนหลายโครงการ  แต่ยังไม่สามารถบอกรายละเอียดได้  ในเบื้องต้นคาดว่าปลายปีนี้จะได้ข้อสรุปผลการเจรจา ส่วนความคืบหน้าการก่อสร้างโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 คงจะสร้างเสร็จในปี  2556 ซึ่งเร็วกว่ากำหนดการเดิมที่คาดไว้

.

ส่วนที่ประชุมคณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) ก็ได้อนุมัติงบลงทุนปี  2551 จำนวน 3.4  หมื่นล้านบาท  โดยเป็นเงินกู้จำนวน 1 หมื่นล้านบาท  ที่เหลือเป็นกระแสเงินสดของ กฟผ. โดย กฟผ.จะลงทุนในโรงไฟฟ้า   8.5  พันล้านบาท  และสายส่งอีก 1,500 ล้านบาท  ขณะที่เงินกู้นั้นจะมาจากต่างประเทศ  7,500  ล้านบาท  และกู้ในประเทศ  2,500  ล้านบาท นอกจากนี้  ที่ประชุมยังอนุมัติเซ็นเอ็มโอยูกับกรมชลประทาน  ลงทุนโครงการผลิตไฟฟ้าท้ายเขื่อน  4.7  พันล้านบาท นายณรงค์  กล่าวเพิ่มเติม