เนื้อหาวันที่ : 2011-02-16 14:56:45 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1003 views

ภาวะเศรษฐกิจประจำวันที่ 16 ก.พ. 2554

1.   กระทรวงพาณิชย์ปล่อยหมูขึ้นราคา
-  ปลัดกระทรวงพาณิชย์  เปิดเผยว่า ราคาเนื้อหมูในฤดูร้อนที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็น 60-61 บาทต่อกิโลกรัม เป็นเรื่องปกติ  เนื่องจากเนื้อหมูเป็นสินค้าเกษตรที่ราคาเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล  ทั้งนี้  กระทรวงพาณิชย์จะเข้าไปดูแลราคาต้นทางคือ ราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มไปจนถึงเนื้อหมูชำแหละหน้าเขียงว่าสอดคล้องกันหรือไม่  โดยราคาหมูหน้าฟาร์มหากมีราคา 60-61 บาทต่อกิโลกรัม  ราคาเนื้อหมูจะต้องอยู่ที่ 110-115 บาทต่อกิโลกรัม เพื่อป้องกันการฉวยโอกาสที่ไม่เป็นธรรม
 
-  สศค.วิเคราะห์ว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือน ม.ค. 54 ขยายตัวร้อยละ 3.03  ซึ่งขยายตัวเท่ากับเดือนก่อนหน้า  โดยดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่มขยายตัวร้อยละ 5.9  และราคาเนื้อสัตว์ เป็ดไก่ และสัตว์น้ำ ขยายตัวร้อยละ 3.8  โดยราคาหมูที่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงนี้มีสาเหตุสำคัญจากปัจจัยทางฤดูกาลคือ ในช่วงฤดูร้อน หมูจะเติบโตช้าและทำให้ต้นทุนการเลี้ยงของเกษตรกรเพิ่มสูงขึ้น 

กอปรกับการเกิดโรคระบาดในหมู ทำให้ผลผลิตลดลงและไม่เพียงพอต่อความต้องการบริโภค  ทั้งนี้ สศค. คาดว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยในปี 2554 อยู่ที่ระดับร้อยละ 3.5 ต่อปี  (ช่วงคาดการณ์ร้อยละ 3.0-4.5 ต่อปี)  (คาดการณ์ ณ เดือน ธ.ค.53)
 
2. นักวิชาการห่วงการเมืองฉุดการค้าประเทศ
-  อดีตผู้ช่วย รมว.พาณิชย์ เปิดเผยในงานสัมมนาแนวโน้มโลกและนัยต่อภาคการค้าของไทย ภายใต้โครงการจัดทำแผนแม่บทกระทรวงพาณิชย์ พ.ศ. 2555-2564 ว่าปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของไทย สาเหตุใหญ่มาจากการเมืองไม่แน่นอน และเป็นอุปสรรคต่อการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การค้าและการลงทุนของไทยไม่ต่อเนื่องด้วย ดังนั้นทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน จึงควรมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้แผนยุทธศาสตร์การค้าไทยเกิดขึ้นมาให้ได้ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เกิดขึ้นในทศวรรษหน้า
 
-  สศค.วิเคราะห์ว่า ในปัจจุบันประเทศไทยมีสัดส่วนการส่งออกสินค้าร้อยละ 52.3 ของ GDP ซึ่งตลาดส่งออกหลักคือ จีน ญี่ปุ่น และสหรัฐฯมีสัดส่วนร้อยละ 11.0 10.5 และ 10.3 ของการส่งออกรวม ทั้งนี้ แนวโน้มการพัฒนาเศรษฐกิจไทยในด้านการค้าและการลงทุนในอนาคตควรเน้นที่ (1) เสริมสร้างประสิทธิภาพด้านการตลาดและการกระจายผลผลิตไปสู่ตลาดใหม่ (2) พัฒนาทักษะและองค์ความรู้ของผู้ประกอบการไทยในภาคการผลิตและการค้า

และ(3) ส่งเสริมผู้ประกอบการไทยในการขยายการลงทุนไปสู่ต่างประเทศ รวมถึงการพัฒนาภาคบริการ โดยการขยายฐานการผลิต การลงทุน การตลาด ภาคธุรกิจบริการให้มีประสิทธิภาพ ส่งเสริมการใช้ความคิดสร้างสรรค์ (Creative Economy) โดยแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ได้มีการกำหนดโครงการต่างๆ มูลค่าประมาณ 2.0 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะสามารถขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจไทยเติบโตไปได้ในอนาคต
 
3. อัตราเงินเฟ้อจีนในเดือน ม.ค. 54 ขยายตัวต่อเนืองที่ร้อยละ 4.9
-  ทางการจีนเผยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือน ม.ค. 54 ขยายตัวร้อยละ 4.9 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ร้อยละ 5.4  และเร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 4.6 โดยมาจากราคาอาหาร(Food price) และไม่ใช่อาหาร (Non-food price) ที่เพิ่มสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้าที่ร้อยละ 10.3 และ 2.6 ตามลำดับ

นอกจากนี้ ดัชนีราคาผุ้ผลิต (Producer Price Index) ในเดือนเดียวกันยังขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ร้อยละ 5.9 มาอยู่ที่ร้อยละ 6.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน บ่งชี้แรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในจีน 
 
-  สศค.วิเคราะห์ว่า ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเดือนธ.ค.53 ทำให้คาดว่าทางการจีนอาจจะออกมาตรการด้านการเงินแบบเข้มงวดเพิ่มเติมเพื่อบรรเทาภาวะเงินเฟ้อ หลังจากที่สัปดาห์ที่ผ่านมา ธนาคารกลางจีนได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 5 เดือน

ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 1 ปี เพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 0.25 มาอยู่ที่ร้อยละ 6.06 และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยะ 1 ปี เพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 0.25 มาอยู่ที่ร้อยละ 3.0 ต่อเนืองจากที่ได้ปรับขึ้นสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (Reserve Requirement Ratio) ร้อยละ 0.5 ไปแล้วเมื่อ 20 ม.ค. 54

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง