เนื้อหาวันที่ : 2011-01-26 09:40:49 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1886 views

UAC ปักธงปี 54 ปั๊มรายได้โต 13% ชู 5 ผลิตภัณ์โหมทำยอด

นิเวอร์แซล แอดซอร์บเบ้นท์ฯ โหมรุกธุรกิจปี 54 ชู 5 ผลิตภัณฑ์ใหม่จับกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมฯดาวน์สตรีม ตั้งเป้าโกยแบ็กล็อกออเดอร์ในไตรมาสแรกอีก 210 ล้านบาท

นายกิตติ ชีวะเกตุ
กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิเวอร์แซล แอดซอร์บเบ้นท์ แอนด์ เคมิคัลส์ จำกัด (มหาชน)

บมจ.ยูนิเวอร์แซล แอดซอร์บเบ้นท์ฯ โหมบุกธุรกิจปี 54 เต็มสูบ โดยเพิ่ม 5 ผลิตภัณฑ์ใหม่และจับกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมฯดาวน์สตรีม ตั้งเป้าโกยแบ็กล็อกออเดอร์ในไตรมาสแรกอีก 210 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มีอยู่ 160 ล้านบาท ปั๊มกำลังผลิตไบโอดีเซลอีก 20-30% มั่นใจรายได้ปีนี้โตอีก 13% พร้อมเร่งเดินหน้าโครงการก๊าซชีวภาพ หลังออกแบบโรงงานเสร็จปลายเดือนมกราคม

นายกิตติ ชีวะเกตุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิเวอร์แซล แอดซอร์บเบ้นท์ แอนด์ เคมิคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ UAC ผู้นำเข้าและจำหน่ายสารเคมีและอุปกรณ์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมสำรวจและผลิตก๊าซธรรมชาติ โรงกลั่นน้ำมัน โรงปิโตรเคมี โรงงานผลิตน้ำมันหล่อลื่น โรงงานอุตสาหกรรมโพลิเมอร์และพลาสติก โรงงานอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ โรงไฟฟ้า และสาธารณูปโภค เปิดเผยว่า ในปี 2554 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้รวมเติบโตอีก 13% จากปี 2553 ที่คาดว่าจะมีรายได้รวมเติบโตเกินเป้าที่วางไว้ 743 ล้านบาท โดยคาดว่ารายได้ส่วนใหญ่ในปีนี้ยังมาจากยอดขายในธุรกิจการนำเข้าสินค้าและเคมีภัณฑ์ ซึ่งถือเป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯ

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังรับรู้ส่วนแบ่งผลกำไรจากเงินลงทุนใน บริษัท บางจากไบโอฟูเอล จำกัด หรือ (BBF) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง UAC กับ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ BCP เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งบริษัทฯ เตรียมแผนจะขยายกำลังการผลิตไบโอดีเซลใน BBF เพิ่มอีก 20-30 % จากเดิมที่มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 300,000 ลิตรต่อวัน ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินลงทุนไม่เกิน 100 ล้านบาท

โดยในปีนี้ บริษัทจะนำเข้าผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมอีก 5 ประเภท รวมทั้งผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมีเข้ามาจำหน่ายเพิ่มเติมอีก 5 ประเภท ได้แก่ 1. สารเร่งปฏิกิริยาสำหรับปิโตรเคมีขั้นปลายน้ำ (ดาวน์สตีม) 2. สารจับปรอทในก๊าซธรรมชาติ 3. สารดูดกลิ่นดูดสีในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี

4. ระบบกรองอากาศที่ใช้สำหรับโรงไฟฟ้า และ 5. น้ำยาคอมแพสเชอร์แอร์และน้ำยาแอร์ที่ป้องกันการเกิดภาวะเรือนกระจก โดยเชื่อว่าจะช่วยส่งเสริมยอดขายของบริษัทให้เติบโตดีต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทฯ มียอดสั่งซื้อในมือ (Backlog Order) อยู่แล้ว 160 ล้านบาท และคาดว่าจะมียอดสั่งซื้อในไตรมาสแรกของปีนี้เข้ามาอีกประมาณ 210 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้มียอด Backlog Order รวมทั้งสิ้น 370 ล้านบาท

นายกิตติ กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการก๊าซชีวภาพอัด (Compressed Bio-methane Gas-CBG) ซึ่งใช้เงินลงทุนประมาณ 150 ล้านบาท และมีกำลังการผลิตประมาณ 6-8 ตันต่อวันหรือมีกำลังการผลิตถึง 2,160 ตันต่อปี คาดว่าจะออกแบบโรงงานเสร็จสิ้นภายในปลายเดือนมกราคมนี้ และได้ข้อสรุปในการเจรจาร่วมกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ในเร็ว ๆนี้ หลังจากนั้นจะมีการนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทประมาณเดือนกุมภาพันธ์

 ส่วนแผนร่วมทุนโครงการก๊าซชีวภาพอัดแห่งที่ 2 จะใช้เงินลงทุนประมาณ 50-80 ล้านบาท มีกำลังการผลิตประมาณ 4 ตันต่อวัน คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาสแรกของปีนี้ โดยวัตถุดิบที่นำมาใช้ในการผลิตจะมาจากวัตถุดิบที่เหลือจากกระบวนการแปรรูปทางการเกษตร

สำหรับแนวโน้มอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและพลังงานในปีนี้คาดว่า ยังจะมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง หลังจากที่กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมโรงกลั่นและปิโตรเคมีในมาบตาพุดกลับมาดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ และเร่งขยายการลงทุนได้ตามแผนที่วางไว้ อีกทั้งค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าเชื่อว่าจะช่วยลดภาระต้นทุน และส่งผลให้กลุ่มลูกค้าดังกล่าวหันมาสั่งซื้อสินค้ากับบริษัทฯ เพิ่มขึ้น

ดังนั้น บริษัทฯ จึงมั่นใจว่ารายได้ทั้งปี 2554 จะเติบโตได้ตามเป้าที่วางไว้อย่างแน่นอน หลังจากมีรายได้จากยอดขายเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2553 และทั้งปี 2553 คาดว่าจะเติบโตดีทั้งในแง่ยอดขายและกำไร