เนื้อหาวันที่ : 2011-01-17 09:10:22 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 648 views

ทุนต่างชาติไหลเข้าไทย ตราสารหนี้กวาดไปกว่าห้าหมื่นล้าน

นายนิวัฒน์ กาญจนภูมินทร์ กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย กล่าวว่า การลงทุนของต่างชาติในตลาดตราสารหนี้ ในปี 53 มียอดเพิ่มขึ้นสูงมากจากการถือครองในปีก่อน 70,000 ล้านบาท ได้เพิ่มเป็น 270,000 ล้านบาท 

นายนิวัฒน์ กาญจนภูมินทร์ กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย กล่าวว่า การลงทุนของต่างชาติในตลาดตราสารหนี้ ในปี 53 มียอดเพิ่มขึ้นสูงมากจากการถือครองในปีก่อน 70,000 ล้านบาท ได้เพิ่มเป็น 270,000 ล้านบาท เพราะตลาดตราสารหนี้ของไทยเป็นที่น่าสนใจของต่างชาติ

เนื่องจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าต่างประเทศ และแนวโน้มเงินบาทแข็งค่าจึงได้ประโยชน์ทั้งสองทาง เมื่อเข้ามาลงทุนในประเทศไทย แม้รัฐบาลจะยกเลิกการยกเว้นภาษีการลงทุนในตราสารหนี้ให้กับนักลงทุนต่างชาติ เพื่อแก้ปัญหาเงินบาทแข็งค่าในช่วงปลายปี แต่ได้มีผลกระทบเพียงช่วงสั้นเท่านั้น

แต่หลังจากเริ่มปีใหม่เพียงสัปดาห์แรก ได้มียอดสุทธิในการลงทุนตราสารหนี้ของไทยกว่า 5 หมื่นล้านบาท เพราะตลาดตราสารหนี้ของไทยต่างชาติยังนิยมเข้ามาลงทุนตราสารหนี้ระยะสั้น และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นยังมองกว่า กนง.จะปรับเพิ่มอีกร้อยละ 0.5-1 ในปีนี้ 

รวมไปถึงในไตรมาสแรกของปีกระทรวงการคลังได้เตรียมทดลองนำร่องออกพันธบัตรรัฐบาลอายุ  50 ปี และพันธบัตรอิงกับอัตราเงินเฟ้อ นักลงสถาบันมีกระแสตอบรับเป็นอย่างดี เห็นได้จาก ปตท.ได้ออกพันธบัตรอายุ 100  ปี ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมาก ทำให้กระทรวงการคลังต้องการออกพันธบัตรระยะยาวด้วย รวมถึงพันธบัตรอิงอัตราเงินเฟ้อ นับว่าเป็นที่สนใจของบรรดากองทุนต่างๆ เพราะเป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่บวกเพิ่มจากอัตราเงินเฟ้อ

โดยต่างชาติยังนิยมลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น โดยคาดว่ายอดการลงทุนจะใกล้เคียงกับปี 53 ที่มีการซื้อสุทธิ 131,000 ล้านบาท แต่มียอดการถือครองตราสารทั้งหมดสูงถึง 270,000 ล้านบาท  ซึ่งน่าจะทำให้ตลาดตราสารหนี้ในปีนี้เป็นไปอย่างคึกคัก

นอกจากนี้ตลาดตราสารหนี้ไทย เตรียมพัฒนาการออกหุ้นกู้ของภาคเอกชน เพื่อให้นักลงทุนรายย่อยมีโอกาสเข้าลงทุนได้มากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาการออกหุ้นกู้ของเอกชนแม้จะมีเงื่อนไขให้กับประชาชนทั่วไปแต่ยอดการซื้อส่วนใหญ่ยังเป็นวงเงินลงทุนหลายแสนไปจนถึงล้านบาท เพราะหุ้นกู้ให้ผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนในการฝากเงินจากดอกเบี้ยเงินฝาก.

ที่มา     : สำนักข่าวไทย
ผู้เสนอ : กลุ่มวิเคราะห์ข่าวและฐานข้อมูล สำนักโฆษก

ที่มา : เว็บไซต์รัฐบาลไทย