สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง รายงานประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2553 และ 2554 คาดเศรษฐกิจปี 53 จะพลิกกลับฟื้นตัวมาขยายตัวที่ 7.8% และโตต่อเนื่องในปีหน้า โดยการส่งออกสินค้าเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง รายงานประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2553 และ 2554 คาดเศรษฐกิจปี 53 จะพลิกกลับฟื้นตัวมาขยายตัวที่ 7.8% และโตต่อเนื่องในปีหน้า โดยการส่งออกสินค้าเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ
1. เศรษฐกิจไทยในปี 2553
1.1 ด้านการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
เศรษฐกิจไทยในปี 2553 คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นจากปีที่แล้วมาขยายตัวที่ร้อยละ 7.8 ต่อปี สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนกันยายน 2553 โดยแรงขับเคลื่อนสำคัญมาจากการส่งออกสินค้าและบริการที่คาดว่าจะขยายตัวสูงถึงร้อยละ 15.1 ต่อปี ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าโดยเฉพาะประเทศในภูมิภาคเอเชียและประเทศเกิดใหม่
ในขณะที่ภาคเอกชนมีแนวโน้มที่จะมีการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศมากขึ้นจากปีก่อน และเป็นแรงขับเคลื่อนที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจ โดยการบริโภคภาคเอกชนคาดว่าจะกลับมาขยายตัวที่ร้อยละ 4.8 ต่อปี ตามภาวะการจ้างงานและรายได้เกษตรกรที่อยู่ในเกณฑ์ดี
ตลอดจนความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับสูงขึ้นภายหลังเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองภายในประเทศคลี่คลายลง ในขณะเดียวกันการลงทุนภาคเอกชนคาดว่าจะกลับมาขยายตัวสูงถึงร้อยละ 15.1 ต่อปี สอดคล้องกับอัตราการใช้กำลังการผลิตในหลายสาขาอุตสาหกรรมที่เริ่มตึงตัว
อีกทั้งแรงสนับสนุนจากแนวโน้มการบริโภคและการส่งออกที่ขยายตัวดียังทำให้ภาคธุรกิจต้องลงทุนเพิ่มเติม เพื่อรองรับการขยายตัวของอุปสงค์ในอนาคตทั้งจากในและต่างประเทศ ส่วนการใช้จ่ายของภาครัฐยังคงมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่อเนื่อง โดยในปี 2553 การบริโภคภาครัฐคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 5.3 ต่อปี ซึ่งเป็นผลจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำของรัฐบาลเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
ขณะที่แรงกระตุ้นผ่านรายจ่ายลงทุนคาดว่าจะลดลงจากการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจที่ล่าช้าเป็นสำคัญ ทำให้การลงทุนภาครัฐจะขยายตัวชะลอลงที่ร้อยละ 0.5 ต่อปี ส่วนปริมาณการนำเข้าสินค้าและบริการในปี 2553 มีแนวโน้มขยายตัวสูงถึงร้อยละ 22.1 ต่อปี ตามการขยายตัวของอุปสงค์ภายในประเทศและการผลิตสินค้าส่งออกที่เร่งขึ้น
1.2 ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ
เสถียรภาพเศรษฐกิจภายในประเทศ ในด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2553 คาดว่าจะปรับสูงขึ้นจากปีก่อนมาอยู่ที่ร้อยละ 3.3 เนื่องจากแรงกดดันจากแนวโน้มราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และแนวโน้มราคาสินค้าเกษตรที่ปรับสูงขึ้นตามสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวนเป็นสำคัญ
ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ไม่รวมราคาน้ำมันและอาหารสดคาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 0.9 สำหรับอัตราการว่างงานมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ่นมาอยู่ที่ร้อยละ 1.1 ของกำลังแรงงานรวม เนื่องจากการจ้างงานที่กลับมาเพิ่มขึ้นตามสภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้น ในด้านเสถียรภาพภายนอกประเทศ คาดว่าดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 2553 จะเกินดุลลดลงจากปีก่อนมาอยู่ที่ 14.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันเป็นผลจากมูลค่านำเข้าสินค้าที่คาดว่าจะขยายตัวในอัตราเร่งกว่ามูลค่าส่งออกสินค้า
โดยคาดว่ามูลค่าสินค้านำเข้าในปี 2553 จะขยายตัวในอัตราสูงที่ร้อยละ 37.5 ต่อปี ตามการเร่งตัวขึ้นของการใช้จ่ายภายในประเทศ ขณะที่มูลค่าส่งออกสินค้าในปี 2553 คาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 28.3 ต่อปี ตามการขยายตัวของปริมาณการส่งออกสินค้าที่สอดคล้องกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า
2. เศรษฐกิจไทยในปี 2554
2.1 ด้านการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
เศรษฐกิจไทยในปี 2554 คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยมีโอกาศที่จะขยายตัวร้อยละ 4.5 ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 4.0 – 5.0 ต่อปี) ซึ่งแรงขับเคลื่อนที่สำคัญมาจากการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศที่ยังคงมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากปี 2553 ทั้งการบริโภคและการลงทุน
โดยการบริโภคภาคเอกชนคาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 4.9 ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 4.4 – 5.4 ต่อปี) ตามภาวะการจ้างงานและรายได้ที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี ทั้งในส่วนของรายได้เกษตรกรที่คาดว่าจะปรับสูงขึ้นตามราคาพืชผลสำคัญ รายได้ของลูกจ้างและข้าราชการที่จะปรับสูงขึ้นตามการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำและเงินเดือนข้าราชการ รวมถึงรายได้จากภาคท่องเที่ยวที่คาดว่าจะฟื้นตัวหลังจากสถานการณ์ทางการเมืองกลับเป็นปกติ
ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 11.3 ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 10.3 – 12.3 ต่อปี) โดยเป็นผลจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับแนวโน้มอัตราการใช้กำลังการผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่เน้นการผลิตเพื่อส่งออกที่อยู่ในระดับค่อนข้างสูงตั้งแต่ปี 2553 สำหรับอุปสงค์ภายนอกประเทศคาดว่าจะชะลอตัวลง
เนื่องจากความเสี่ยงจากความเปราะบางและล่าช้าในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่อาจส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยได้ โดยคาดว่าจะส่งผลให้ปริมาณการส่งออกสินค้าและบริการในปี 2554 ขยายตัวชะลอลงมาอยู่ที่ร้อยละ 6.4 ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 5.4 - 7.4 ต่อปี) ส่วนปริมาณการนำเข้าสินค้าและบริการคาดว่าจะขยายตัวชะลอลงมาอยู่ที่ร้อยละ 8.1 ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 7.1 – 9.1 ต่อปี)
สำหรับการใช้จ่ายภาครัฐในปี 2554 คาดว่าการบริโภคภาครัฐจะขยายตัวที่ร้อยละ 3.4 ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 2.9 – 3.9 ต่อปี) ตามการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีของรัฐบาลในปี 2554 ที่เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การลงทุนภาครัฐคาดว่าจะขยายตัวเร่งขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 4.2 ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 3.2 – 5.2 ต่อปี)
2.2 ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ
เสถียรภาพเศรษฐกิจภายในประเทศ ในด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2554 คาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 3.5 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 3.0 – 4.5) อันเป็นผลจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่คาดว่าจะทรงตัวอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องจากปี 2553 และการปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำที่อาจส่งผลให้แรงกกดันด้านต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น
ส่วนอัตราการว่างงานคาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 1.1 ของกำลังแรงงานรวม (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 1.0 – 1.2 ของกำลังแรงงานรวม) ในด้านเสถียรภาพภายนอกประเทศ คาดว่าดุลบัญชีเดินสะพัดจะเกินดุลลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 13.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณร้อยละ 3.6 ของ GDP (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ3.1 – 4.1 ของ GDP)
เนื่องจากดุลการค้าที่คาดว่าจะเกินดุลดลงมาอยู่ที่ 11.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 12.7 – 14.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยคาดว่ามูลค่านำเข้าสินค้าในปี 2554 จะขยายตัวร้อยละ 14.6 ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 13.6 – 15.6 ต่อปี) ในขณะที่มูลค่าส่งออกสินค้าคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 13.2 ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 12.2 – 14.2 ต่อปี)
ที่มา : สำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง