วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย เผยถึงระบบขนส่งสาธารณะท่าอากาศยานสุวรรณภูมิล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง มีจุดบกพร่องมากมาย รัฐบาล "พอเพียง" ขาดมือฉมังในการบริหารจัดการที่ดี ทำให้เกิดภาวะวิกฤติ หากไม่แก้ไขเกิดวิบัติต่อท่าอากาศยาน

นายไกร  ตั้งสง่า  อุปนายก  วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย แถลงถึงระบบขนส่งสาธารณะท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ  ว่าล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการจัดการระบบขนส่งสาธารณะ  ทำให้เกิดภาวะวิกฤติ หากไม่แก้ไขจะก่อให้เกิดวิบัติต่อท่าอากาศยาน

.

โดยจุดบกพร่องคือ การแสวงหาประโยชน์จากระบบขนส่งสาธารณะแทนการให้บริการที่ดี   เช่น  การให้รถลีมูซีนจอดในจุดที่สะดวกที่สุด  ด้วยอัตราค่าบริการ 700-1,500 บาทต่อเที่ยว   และให้แท็กซี่จอดบริเวณชั้น  1  ซึ่งไม่สะดวกและยังเก็บค่าธรรมเนียมอีก  50  บาทต่อคัน

ส่วนรถโดยสารสาธารณะต้องนั่งรถชัตเทอร์บัส ถึง  3 กิโลครึ่ง รูปแบบนี้จะทำให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเสียโอกาสในการแข่งขัน  และไม่สามารถเป็นศูนย์กลางการบินได้  เนื่องจากไม่จัดระบบขนส่งสาธารณะตามหลักสากลที่ต้องจัดรถที่ถูกที่สุด  และขนคนได้มากที่สุดไว้ในจุดสะดวกที่สุด  ซึ่งจะจัดทำหนังสือ 2 ฉบับ  ยื่นแก่ รัฐมนตรีคมนาคม และประธานกรรมการ ทอท. ให้รับทราบและแก้ไขต่อไป

ทั้งนี้ ว.ส.ท.ได้เสนอแนะให้จัดระบบรถบัสขนส่งที่รองรับผู้โดยสารจำนวนมาก  ให้จอดในจุดที่สำคัญอันดับ 1  ขณะที่รถแท็กซี่ธรรมดาให้จอดรอคิวอย่างเป็นระเบียบ  ไม่มีค่าธรรมเนียม 50 บาท  และอนุญาตให้แท็กซี่ทั่วไปรับผู้โดยสารได้  ส่วนรถลีมูซีนถือว่าไม่ใช่ระบบขนส่งสาธารณะ  นอกจากนี้ ทอท.ไม่ควรมุ่งกำไรจากระบบขนส่งของประชาชนและผู้โดยสาร  ขณะเดียวกันควรจัดให้มีระบบขนส่งโดยใช้รถบีอาร์ที  เชื่อมผู้โดยสารในประเทศและต่างประเทศจาก  ทั้ง 2 แห่ง

ด้านผู้บริหารการบินทั้งทหารและพลเรือนที่เข้าร่วมประชุมสุดยอด ว่าด้วยความร่วมมือทางการบินระหว่างพลเรือนและทหาร  โดยมีตัวแทนจาก 36 ประเทศทั่วโลก  ได้ตรวจเยี่ยมพื้นที่สำคัญสุวรรณภูมิ  เช่น  หอบังคับการบิน และอาคารที่พักผู้โดยสาร

นายวิลเลี่ยม แอนเดอร์สัน  ผู้ช่วยเสนาธิการกองทัพอากาศสหรัฐ  ระบุว่า  ยังมั่นใจว่าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ  สามารถเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคได้ไม่ยาก  จากความได้เปรียบด้านที่ตั้งภูมิศาสตร์เมื่อเทียบกับสนามบินคู่แข่ง  รวมถึงภายในสนามบินมีสิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐานที่มีขนาดใหญ่  สามารถรองรับการจราจรทางอากาศจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม  จะต้องมีการจัดการให้การใช้บริการของผู้โดยสารมีความคล่องตัวมากที่สุด  โดยจะต้องอำนวยความสะดวกให้การเดินทางมาถึง  และออกจากสนามบินใช้เวลาน้อยที่สุด   ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จและในวันนี้ผู้บริหาร กลุ่มเมอร์ฟี่ จาห์น แทมส์ แอค  หรือ เอ็มเจทีเอ ผู้ออกแบบอาคารผู้โดยสารและอาคารเทียบเครื่องบิน ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้เข้าชี้แจงต่อ  คณะกรรมาธิการติดตามการแก้ไขปัญหาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ   สนช.  ถึงการปรับเปลี่ยนแบบการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารและอาคารเทียบเครื่องบินจำนวน 24  ครั้ง กว่า 60 รายการ

โดย ผู้ว่าฯ สตง.ได้ขอให้ เอ็มเจทีเอ ส่งหลักฐานการเปลี่ยนแปลงแบบการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารและอาคารเทียบเครื่องบิน ให้คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ  หรือ  คตส.  เพื่อเป็นหลักฐานเพิ่มในการเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้อง พร้อมระบุให้ชัดเจนว่าใครเป็นคนสั่งอนุมัติเปลี่ยนแปลงแบบ