เนื้อหาวันที่ : 2010-12-10 09:22:09 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2209 views

เฌอร่า เปิดแผนธุรกิจสู่ Green InnoTegration

"เฌอร่า" เปิดแผนการดำเนินธุรกิจ ตั้งเป้าสู่การเป็น "บริษัทนวัตกรรมบูรณาการเพื่อสิ่งแวดล้อม" เต็มรูปแบบ


"เฌอร่า" เปิดแผนการดำเนินธุรกิจ ตั้งเป้าสู่การเป็น "Green InnoTegration” หรือ "บริษัทนวัตกรรมบูรณาการเพื่อสิ่งแวดล้อม" เต็มรูปแบบ ล่าสุดจับมือ กฟผ. นำยิปซั่มสังเคราะห์ ผลพลอยจากโรงงานไฟฟ้าแม่เมาะ ในการผลิตสินค้า "ตราเฌอร่า"


นายองเอก เตชะมหพันธ์ ประธานกรรมการบริหาร (CEO) บริษัท มหพันธ์ไฟเบอร์ซีเมนต์ จำกัด (มหาชน) ใน “กลุ่มมหพันธ์” ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ “ตราห้าห่วง” และ “ตราเฌอร่า” เปิดเผยถึงทิศทางในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มว่า


นับแต่นี้ต่อไป บริษัทตั้งเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจ สู่ความเป็น “บริษัทนวรรตกรรมบูรณาการเพื่อสิ่งแวดล้อม” หรือ “Green InnoTegration” เพื่อพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ ให้สอดคล้องกับกระแสการอนุรักษ์ธรรมชาติและพลังงาน ซึ่งเป็นแนวโน้มการทำธุรกิจของโลก


“กลุ่มมหพันธ์” มีนโยบายที่ชัดเจน ในการจะก้าวเข้าไปสู่การเป็น “บริษัทนวตกรรมบูรณาการเพื่อสิ่งแวดล้อม” เพื่อร่วมอนุรักษ์และรักษาสิ่งแวดล้อมของโลกให้คงอยู่ตลอดไป ทั้งนี้โดยได้ดำเนินการมาแล้วในหลายๆ ด้าน เช่น การพัฒนาและผลิตไม้เฌอร่า ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ทดแทนไม้ 100 % เป็นรายแรกของประเทศ, การผลิตสินค้าทั้งภายใต้ตรา “เฌอร่า” และ “ห้าห่วง โดยปราศจากส่วนผสมของสารใยหิน (Non-Asbestos)


ซึ่งทำให้ไม่ก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพของผู้ใช้ และล่าสุด บริษัทฯ ยังพัฒนาขึ้นไปอีกระดับ โดยร่วมมือกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟผ.) สร้างโครงการนำร่องการใช้ประโยชน์จากยิปซั่มสังเคราะห์ ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากโรงไฟฟ้าแม่เมาะ นำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าของบริษัทอีกด้วย” นายองเอกกล่าว


“โครงการนำร่องการใช้ประโยชน์จากยิปซั่มสังเคราะห์” เกิดขึ้นจากความร่วมมือกันระหว่างกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กระทรวงอุตสาหกรรม การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) และ บริษัท มหพันธ์ไฟเบอร์ซีเมนต์ จำกัด (มหาชน) พร้อมภาคเอกชนอื่นๆ รวม 7 บริษัท ร่วมกันพัฒนาและใช้ประโยชน์จากยิปซัมสังเคราะห์ที่เป็นผลผลิตพลอยได้จากโรงไฟฟ้าแม่เมาะจ.ลำปาง


ซึ่งในแต่ละปีจะมียิปซัมสังเคราะห์มากกว่า 2 ล้านตัน และมีการนำไปใช้ประโยชน์ปริมาณที่น้อยมาก การนำมาใช้ประโยชน์ในครั้งนี้ จะช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และช่วยลดปริมาณการใช้ทรัพยากรแร่ยิปซัมธรรมชาติ นับเป็นการส่งเสริมการอนุรักษ์แหล่งแร่ยิปซัมธรรมชาติให้ใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืน ตลอดจนยังช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจของประเทศได้อีกด้วย


และจากความร่วมมือในครั้งนี้ “กลุ่มมหพันธ์” ได้ทำสัญญาซื้อยิปซั่มสังเคราะห์ จากโรงไฟฟ้าแม่เมาะเพื่อทดแทนการใช้ยิปซัมธรรมชาติ และนำมาใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ทดแทนไม้ “ตราเฌอร่า” และในอนาคต คาดว่าจะใช้ยิปซั่มสังเคราะห์ในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางในการดำเนินธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อม ตามนโยบายขององค์กรที่วางไว้


นายองเอกกล่าวเพิ่มเติมว่า ยิปซั่มสังเคราะห์สามารถเป็นวัตถุดิบหลักของอุตสาหกรรมต่อเนื่องได้ และหากหน่วยงานของรัฐ และ กฟผ. ผลักดันและสนับสนุนให้เอกชนมีการนำผลพลอยได้จากยิปซั่มสังเคราะห์ไปใช้ เช่นในภาคอุตสาหกรรมมีการนำผลพลอยได้ไปใช้ในกระบวนการผลิต


โดยคืนภาษีให้ตามสัดส่วนการนำไปใช้ เมื่อภาคอุตสาหกรรมนำไปใช้ในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น จะทำให้มีการเปลี่ยนโครงสร้างกระบวนการผลิตไปโดยปริยาย ทำให้บริษัทเหล่านั้นไม่กลับไปใช้วัสดุธรรมชาติ เช่นยิปซั่มธรรมชาติอีก


“กลุ่มมหพันธ์” ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คุณภาพ ภายใต้เครื่องหมายการค้า “ตราห้าห่วง” และ “ตราเฌอร่า” โครงการที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งในแนวทางในการก้าวเข้าสู่ ความเป็นบริษัทสากล ภายใต้แนวคิด “Green InnoTegration” (Innovation + Integration) หรือ”นวัตกรรมบูรณาการเพื่อสิ่งแวดล้อม”