เนื้อหาวันที่ : 2010-11-23 10:30:32 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 734 views

ภาวะเศรษฐกิจประจำวันที่ 23 พ.ย. 2553

1. สภาพัฒน์ประกาศ GDP ไตรมาส 3 ขยายตัวร้อยละ 6.7 ต่อปี

-  สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประกาศตัวเลขอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย ไตรมาส 3 ปี 54 ที่ร้อยละ 6.7 ต่อปี โดยหากขจัดผลทางฤดูกาลแล้วจะหดตัวร้อยละ -0.2 จากไตรมาสก่อนหน้า โดยเป็นผลหลักมาจากการชะลอลงของอุปสงค์ทั้งภายในและภายนอกประเทศ ทำให้ 9 เดือนแรกของปี 53 เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ 9.3 ต่อปี


-  สศค. วิเคราะห์ว่า การขยายตัวของ GDP ไทยไตรมาส 3 ปี 53 ที่ชะลอลงมากนั้น เป็นผลหลักมาจากการส่งออกสุทธิ ซึ่งมี contribution ต่อ GDP เป็นลบที่ร้อยละ -2.6 ต่อปี จากการเร่งการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบรวมทั้งทองคำในไตรมาสที่ผ่านมาและการชะลอตัวของการส่งออกสินค้าและบริการในไตรมาส 3 


อีกทั้งการบริโภคภาครัฐก็ขยายตัวชะลอลงมากที่ร้อยละ 2.0 ต่อปี หรือคิดเป็น contribution ต่อ GDP ที่ร้อยละ 0.2 ต่อปี จากปัจจัยฐานสูงในปีก่อนหน้า ในขณะที่การบริโภคภาคเอกชน ถึงแม้จะขยายตัวชะลอลงบ้าง แต่ก็ยังนับว่าขยายตัวได้ดีที่ร้อยละ 5.0 ต่อปี และมี contribution ต่อ GDP ร้อยละ 2.7 ต่อปี 


อย่างไรก็ตาม  เมื่อพิจารณาภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสสุดท้ายของปี ปัญหาน้ำท่วมและปัจจัยฐานสูงน่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ GDP ขยายตัวชะลอลงจากไตรมาส 3  ทั้งนี้ สศค. คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 53 จะขยายตัวร้อยละ 7.5 ต่อปี โดยมีช่วงคาดการณ์ร้อยละ 7.3 – 7.8 ต่อปี (คาดการณ์ ณ ก.ย. 53)


2. แนวโน้มราคาน้ำมันในปีหน้า คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นตามความต้องการใช้

-  บริษัท ปตท.อะโรเมติก และการกลั่น จำกัด มหาชน หรือ PTTAR เผย แนวโน้มราคาน้ำมันในปีหน้า คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นตามความต้องการใช้ที่เติบโตตามภาวะเศรษฐกิจโลก ที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าจะฟื้นตัว โดยราคาน้ำมันดิบน่าจะแกว่งตัวอยู่ที่ระดับ 80-85 เหรียญต่อบาร์เรล ซึ่งจะเป็นผลดีต่อธุรกิจการกลั่นและธุรกิจปิโตรเคมี


ส่วนกรณีที่ประเทศจีนเตรียมคุมอัตราเงินเฟ้อนั้น เชื่อว่าไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจของ PTTAR โดยเฉพาะเบนซิน ที่ส่งออกไปยังประเทศจีน เนื่องจากคาดว่าความต้องการใช้น่าจะเติบโตต่อเนื่องแต่ราคาไม่สูงมากนัก


-  สศค. วิเคราะห์ว่า แนวโน้มการปรับขึ้นของราคาน้ำมันในปี 2554 นั้น เป็นผลมาจากอุปสงค์ที่ขยายตัวขึ้นตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจของทั้งกลุ่มOECDและกลุ่มNon-OECD โดยมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญจากเศรษฐกิจจีนที่ยังคงมีการขยายตัวเติบโตอย่างต่อเนื่อง  แม้ว่าจะมีความพยายามในการควบคุมเศรษฐกิจเพื่อชะลอความร้อนแรงก็ตาม


ประกอบกับอุปทานน้ำมันดิบโลก ยังเพิ่มขึ้นได้ในกรอบที่จำกัด ทั้งนี้ จากการประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2554 ณ เดือนกันยายน 53 ของสศค. คาดว่าราคาน้ำมันดิบ Dubai จะมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และมีช่วงคาดการณ์ที่ 75-85 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล


3. เฟดเรียกร้องรัฐบาลเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ

-  นายเบน เบอร์นันกี้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ยังคงอยู่ในสภาพ อ่อนแอ พร้อมทั้งให้รัฐบาลสหรัฐฯ เร่งหาทางลดการขาดดุลงบประมาณ โดยย้ำว่าปัญหาสภาวะเศรษฐกิจถดถอยมากที่สุดในรอบหลายสิบปีของสหรัฐอาจส่งผลให้คนงานหลายล้านคนต้องตกงาน หรือไม่ก็ต้องเผชิญกับปัญหาการว่างงานในสหรัฐอีกหลายปี โดยเฟดเองก็กำลังดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ


-  สศค.วิเคราะห์ว่า ปัจจุบันอัตราการว่างงานในสหรัฐฯ สูงถึงประมาณร้อยละ 10 ซึ่งแม้ว่าเฟดได้ออกมาตรการ QE2 โดยทุ่มเงินกว่า 6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐเข้าซื้อตลาดพันธบัตรของสหรัฐเพื่อให้ Yield ในตลาดพันธบัตรลดลง โดยหวังว่าธนาคารพาณิชย์จะหันกลับไปปล่อยสินเชื่อในภาคธุรกิจและเป็นการ ลกระตุ้นการจ้างงาน


แต่อย่างไรก็ดีปัญหาดังกล่าวยังไม่บรรเทาลงเนื่องจากสถาบันการเงินไม่ได้ปล่อยสินเชื่อตามวัตถุประสงค์ของเฟด แต่กลับนำเงินดอลลาร์ไปลงทุนในพันธบัตร หุ้น ทองคำ และน้ำมัน ในต่างประเทศ เนื่องจากได้ผลตอบแทนที่ดีตลอดจนได้กำไรค่าเงินในประเทศภูมิภาคเอเชียที่กำลังแข็งค่า ซึ่งจำเป็นที่เฟดต้องหามาตรการอื่นเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐให้ ได้ประสิทธิผลกว่าเดิม