เนื้อหาวันที่ : 2010-11-18 14:11:11 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1585 views

อินเตอร์เฟซ อิงค์ ตั้งเป้าอีก 10 ปีผลกระทบสิ่งแวดล้อมเหลือศูนย์

อินเตอร์เฟซ อิงค์ ยกระดับนโยบายสิ่งแวดล้อม เผยเป้าหมายใหม่ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้เป็นศูนย์ภายในปี 2020 พร้อมแจงข้อมูลผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับทุกผลิตภัณฑ์ในปี 2012

.

อินเตอร์เฟซ อิงค์ ยกระดับนโยบายสิ่งแวดล้อม เผยเป้าหมายใหม่ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้เป็นศูนย์ภายในปี 2020 พร้อมแจงข้อมูลผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับทุกผลิตภัณฑ์ในปี 2012

.

อินเตอร์เฟซ อิงค์ ยกระดับนโยบายสิ่งแวดล้อม เผยเป้าหมายใหม่ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้เป็นศูนย์ภายในปี 2020  และชี้แจงข้อมูลผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับทุกผลิตภัณฑ์ภายในปี 2012 องค์กรพิทักษ์สิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐอเมริกา (US EPA) จับมืออินเตอร์เฟซ ร่วมฉลองความสำเร็จในโครงการ “มิชชั่น ซีโร่”

.

อินเตอร์เฟซ อิงค์ (Interface Inc. – NASDAQ: IFSIA) ผู้นำระดับโลกในการออกแบบ ผลิต และจำหน่ายพรมแผ่นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เดินหน้าผลักดันโครงการ “มิชชั่น ซีโร่” ภารกิจลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้เป็นศูนย์ภายในปี 2020 เตรียมชี้แจงข้อมูลผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของทุกผลิตภัณฑ์อินเตอร์เฟซฟลอร์ (InterfaceFLOR) ทั่วโลก ตามมาตรฐานอีพีดี (EPD – Environmental Product Declaration) ภายในปี 2012

.

พร้อมเปิดตัวรายงานอินเตอร์แอคทีฟ “2010 มิชชั่น ซีโร่ ไมล์สโตนส์ (2010 Mission Zero Milestones)” (http://www.interfaceglobal.com/sustainability.aspx) เพื่อเผยถึงความคืบหน้าในโครงการตลอด 16 ปีที่ผ่านมา คาดการณ์อุปสรรคที่รออยู่ในอีกทศวรรษข้างหน้า และเรียกร้องให้ผู้ประกอบการทั่วโลกร่วมวางแผนและกำหนดเป้าหมายเพื่อการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง

.

มร. แดน เฮนดริกซ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอินเตอร์เฟซ กล่าวว่า “ในปัจจุบัน หลากหลายองค์กรทั่วโลกได้คิดค้นมาตรฐานด้านผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมขึ้นมามากมาย โดยอีพีดี ก็เป็นอีกหนึ่งมาตรฐานคุณภาพ ที่จะเป็นเสมือนแรงขับเคลื่อนและกรอบการทำงานของอินเตอร์เฟซในอนาคต

.

โดยบริษัทที่ได้รับรองมาตรฐานอีพีดีนั้น จะต้องปฎิบัติงานอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ และพร้อมที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ด้านข้อมูลผลิตภัณฑ์ อันจะช่วยให้ลูกค้ามีความเข้าใจถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการเลือกซื้อสินค้าของตน และกระตุ้นให้ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมต้องหันมาจัดการกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง”

.

มร. เรย์ แอนเดอร์สัน ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัทอินเตอร์เฟซ เปิดเผยว่า “รายงานอีพีดีของเรา จะถูกจัดทำขึ้นภายใต้หลักเกณฑ์การประเมินรอบอายุการใช้งาน (LCA – Life Cycle Assessment) ที่เคร่งครัดและครอบคลุมที่สุด โดยบริษัททำการตรวจวัดและเปิดเผยข้อมูลด้านผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกกระบวนการ ตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบและการผลิต ไปจนถึงการเรียกคืนสินค้าหลังหมดอายุการใช้งานและการรีไซเคิล”

.

การประกาศเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมของอินเตอร์เฟซในครั้งนี้ ได้รับแรงสนับสนุนอย่างเต็มที่จากองค์กรพิทักษ์สิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐอเมริกา หรืออีพีเอ (EPA – Environmental Protection Agency) โดย มร. พอล อนาสตาส ผู้ช่วยผู้ดูแลสำนักงานวิจัยและพัฒนาของอีพีเอ ได้กล่าวถึงความสำคัญของการปฎิบัติงานอย่างโปร่งใสไว้ว่า “ความโปร่งใสในการทำงาน เป็นองค์ประกอบที่สำคัญอย่างขาดไม่ได้ในการปกป้องสิ่งแวดล้อมและรักษาสุขภาพของทุกคน”

.

นอกจากเป้าหมายทางนโยบายดังกล่าวแล้ว อินเตอร์เฟซยังได้เปิดตัว “มิชชั่น ซีโร่ ไมล์สโตนส์” รายงานแบบอินเตอร์แอคทีฟที่สรุปความคืบหน้าและความสำเร็จของอินเตอร์เฟซในการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมตลอดระยะเวลากว่า 16 ปีที่ผ่านมา พร้อมยังวิเคราะห์แผนงานและอุปสรรคสำคัญต่างๆ บนเส้นทางสู่เป้าหมายปี 2020 อีกด้วย

.
รายงานฉบับนี้ นำเสนอการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมของอินเตอร์เฟซถึงสามด้านด้วยกัน ดังนี้

1. คิดค้นนวัตกรรมใหม่ขึ้นเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม – นับตั้งแต่ปี 1996 อินเตอร์เฟซได้ลดปริมาณสุทธิในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas) ลงได้ถึงร้อยละ 94 และยังสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านการจัดการสิ่งปฎิกูลต่างๆ ลงกว่า 433 ล้านเหรียญสหรัฐ ตั้งแต่ปี 1995 เป็นต้นมา

.

2. ออกแบบผลิตภัณฑ์และกระบวนการการผลิตรูปแบบใหม่ที่ส่งเสริมการรีไซเคิล – จวบจนปัจจุบัน อินเตอร์เฟซได้แปลงสภาพขยะให้กลายเป็นวัตถุดิบแล้วกว่า 100,000 ตัน ภายใต้โครงการ รีเอนทรี (ReEntry) อันเป็นโครงการแรกในโลกที่นำพรมเก่ามาแปรรูปให้เป็นวัตถุดิบสำหรับการผลิตพรมใหม่

.

3. สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ช่วยให้พนักงานทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาสิ่งแวดล้อม และกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมในกระบวนการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต

.

มร. แอนเดอร์สันกล่าวเสริมว่า “รายงานฉบับนี้ ถือเป็นการวิเคราะห์ทั้งความสำเร็จที่ผ่านมาของบริษัท และความท้าทายต่างๆ ที่รอเราอยู่ข้างหน้า ประสบการณ์เหล่านี้ทำให้เราได้รู้ว่าการปฎิบัติงานอย่างเปิดเผย ความซื่อสัตย์ และความพร้อมที่จะร่วมมือกับผู้อื่น ล้วนแล้วเป็นกุญแจสำคัญในการจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อม ไม่เฉพาะสำหรับอินเตอร์เฟซเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ประกอบการทุกรายอีกด้วย          

.

เราขอเรียกร้องให้ผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมทั่วโลก หันมาให้ความสำคัญกับการทำงานอย่างโปร่งใส และยึดมั่นในการสร้างผลงานให้ดี ด้วยการทำสิ่งที่ดี อันจะนำไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่และน่าภาคภูมิใจอย่างแท้จริง”

.

ความสำเร็จในการสรรค์สร้างนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมได้ทำให้อินเตอร์เฟซกลายเป็นจุดสนใจในวงการธุรกิจระดับโลก โดยบริษัทได้รับการติดต่อจากผู้ประกอบการชั้นนำหลายราย เพื่อขอคำปรึกษาในการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงการทำงานของตน จนกระทั่งในปี 2006 อินเตอร์เฟซได้จัดตั้งบริษัทลูกชื่อ อินเตอร์เฟซเรส (InterfaceRAISE) เพื่อรับผิดชอบงานด้านนี้โดยเฉพาะ