เนื้อหาวันที่ : 2010-11-17 11:58:46 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 503 views

IHL มั่นใจโค้งสุดท้ายปีนี้ผลงานโดดเด่นสุดๆ

"องอาจ" มั่นใจโค้งสุดท้าย IHL ยิ่งโชว์ผลงานโดดเด่นเป็นพิเศษ เหตุเป็น high seasonธุรกิจรถยนต์/คุมต้นทุนได้ผล

นายองอาจ ดำรงสกุลวงษ์
ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์ไฮด์ จำกัด (มหาชน)

.

“องอาจ ดำรงสกุลวงษ์" มั่นใจโค้งสุดท้าย IHL ยิ่งโชว์ผลงานโดดเด่นเป็นพิเศษเพราะเป็นช่วง high season ของธุรกิจรถยนต์ หลังโค้งสามปี53 โชว์ผลงานยอดเยี่ยมกำไร 45.11 ลบ. เพิ่มขึ้น จากปีก่อนที่ทำได้ 37.23 ลบ. หนุนกำไรงวด 9 เดือนพุ่งกระฉูด 543.03% จาก 34.00 ลบ. ในปี 52 มาเป็น 218.63 ลบ.และโตถึง 100% เมื่อเทียบกับปีก่อนทั้งปีที่ทำได้ 109.06 ลบ. เผยเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจและแนวโน้มของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ปรับตัวดีขึ้น ในขณะที่ราคาวัตถุดิบลดลง 

.

นายองอาจ ดำรงสกุลวงษ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์ไฮด์ จำกัด (มหาชน) หรือ IHL ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายเบาะหนังสำหรับรถยนต์รายใหญ่ของไทย เปิดเผยถึง แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาสสุดท้ายของปี 2553 ว่า มีทิศทางเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 3 อย่างชัดเจน 

.

ซึ่งเป็นผลจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ และเป็นช่วงฤดูกาลขายที่สำคัญของสินค้ารถยนต์ จึงทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเติบโตไปในทิศทางเดียวกันด้วย  “เชื่อว่าสัญญาณการเติบโตนี้จะต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาสสุดท้ายของปีและปีหน้าด้วย

.

เพราะนอกจากอุตสาหกรรมยานยนต์จะฟื้นตัวต่อเนื่องแล้ว ปกติในไตรมาสที่ 4 และในไตรมาสแรกของปีถัดไปจะถือเป็น high season ของธุรกิจ ผลประกอบการจึงมีแนวโน้มเติบโตอย่างชัดเจน ซึ่งในส่วนของ IHL ในปีนี้คาดว่าผลประกอบการจะออกมาโดดเด่นเป็นพิเศษ                 

.

เพราะนอกจากธุรกิจจะฟื้นตัวแล้ว เรายังได้รับผลประโยชน์จากการแข็งค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับสกุลเงินต่างประเทศ ทำให้การสั่งซื้อวัตถุดิบจากต่างประเทศมีราคาต่ำลง นอกจากนั้นยังได้รับผลดีจากการประหยัดจากขนาดการผลิต (Economies of scale) ทำให้ต้นทุนเฉลี่ยต่อหน่วยลดลงตามปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เมื่อประกอบกับการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพก็ยิ่งทำให้ผลประกอบการเติบโตอย่างโดดเด่นดังกล่าว”

.

เขากล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังมีคำสั่งซื้อไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องทั้งจากรถยนต์โมเดลเดิมที่จำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน และรถยนต์โมเดลใหม่ ซึ่งหากประเมินจากคำสั่งซื้อที่ไหลเข้ามาในปัจจุบันนี้ และกำลังการผลิตที่สามารถรองรับได้ มั่นใจว่าในปี 2553 จะสามารถผลักดันรายได้ถึง 1,800-1,900 ล้านบาท ตามเป้าหมายได้อย่างแน่นอน              

.

ส่วนอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ก็คงดีขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากถ้าสังเกตจากผลประกอบการที่ผ่านมา 3 ไตรมาสจะพบว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะดีขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับปีก่อนเนื่องมาจากต้นทุนวัตถุดิบที่ต่ำลง และการบริหารจัดการที่ดีขึ้นของบริษัทฯ 

.

อย่างไรก็ตาม จากทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมยานยนต์ เชื่อว่าในปี 2554 บริษัทจะสามารถผลักดันผลประกอบการให้เติบโตต่อเนื่องจากปี 2553 ได้ โดยในเบื้องต้นคาดว่ารายได้จะเติบโตประมาณ 10-20% หลังจากโรงงานแห่งที่ 7 สามารถเดินเครื่องในเชิงพาณิชย์ได้ สามารถรองรับคำสั่งซื้อได้คล่องตัวยิ่งขึ้น 

.

ทั้งนี้ IHL รายงานผลประกอบการประจำงวดไตรมาสที่ 3/2553 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2553 ว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 45.11 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.15 บาท เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2552 ซึ่งบริษัทมีกำไรสุทธิ 37.23 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.12 บาท กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 7.88 ล้านบาท คิดเป็นเป็นร้อยละ 21.16

.

โดยเป็นผลจากในไตรมาส 3/2553 บริษัทมียอดรายได้รวม จำนวน 417.31 ล้านบาท เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกัน ปี2552 ที่ทำได้จำนวน 409.64 ล้านบาท ทำให้บริษัทฯ มียอดรายได้เพิ่มขึ้น 7.67 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1.87 โดยการเพิ่มขึ้นเป็นไปตามสภาวะเศรษฐกิจและแนวโน้มของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีการปรับตัวดีขึ้นในปี 2553

.

ในขณะที่ในไตรมาส 3/2553 บริษัทมีต้นทุนการขาย 333.09 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 79.8 ของยอดรายได้จากการขาย อัตราร้อยละของต้นทุนลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของ ปี2552 ซึ่งบริษัทมีต้นทุนขาย 338.08 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 82.5 ของยอดรายได้จากการขาย

.

ซึ่งอัตราร้อยละของต้นทุนที่ลดลงมีสาเหตุมาจากราคาวัตถุดิบที่ลดลงประกอบกับผลผลิตที่เพิ่มขึ้นซึ่งเป็นผลให้บริษัทมีการประหยัดจากขนาดการผลิต จึงสนับสนุนให้กำไรสุทธิเติบโตขึ้นดังกล่าว และส่งผลต่อเนื่องให้ผลประกอบการประจำงวด 9 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2553 เติบโตอย่างโดดเด่น

.

โดยบริษัทมีกำไรสุทธิ 218.63 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.73 บาท เพิ่มขึ้น 184.63 ล้านบาท หรือร้อยละ 543.03 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวก่อนที่บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 34 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.11 บาท และผลประกอบการประจำงวด 9 เดือนของปีนี้ ยังสูงกว่าผลประกอบการในปี 2552 ทั้งปีถึงร้อยละ 100 จากที่ทำได้ 109.06 ล้านบาท ในปี 2552