เนื้อหาวันที่ : 2010-11-05 10:32:47 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 540 views

ภาวะเศรษฐกิจประจำวัน 5 พ.ย. 2553

1. BOI เผยว่ายอดยื่นเรื่องขอลงทุนในภาคเหนือช่วง 9 เดือนแรกของปี 53 เพิ่มขึ้นกว่าปี 52

-  BOI เปิดเผยว่า  แนวโน้มการลงทุนในภาคเหนือไตรมาสสุดท้ายของปี  53 มีทิศทางที่ดีและคาดว่าทั้งจำนวนโครงการและมูลค่าการลงทุนจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากช่วง 9 เดือนแรกของปี และช่วงเดียวกันปีก่อน เพราะยังมีนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติยื่นเรื่องขอรับการส่งเสริมการลงทุนอย่างต่อเนื่อง 

.

จากสถิติปีก่อนนักลงทุนส่วนใหญ่มักยื่นเรื่องขอรับการส่งเสริมมากในช่วงไตรมาสสุดท้าย ส่วนภาวะการลงทุนภาคเหนือ 9 เดือนแรกของปี  โครงการที่ขอรับการส่งเสริมใน 17 จังหวัดภาคเหนือ มีจำนวน  79 โครงการ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 33.9 ต่อปี ที่มีจำนวน 59 โครงการ  ส่วนมูลค่าการลงทุนรวม 38,340 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 161.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีมูลค่าการลงทุนรวม  14,636 ล้านบาท

.

-  สศค. วิเคราะห์ว่า แนวโน้มจำนวนการยื่นเรื่องขอรับการส่งเสริมการลงทุนที่ดีขึ้นดังกล่าว บ่งชี้ทิศทางการลงทุนที่จะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับเครื่องชี้การลงทุนที่ยังสามารถขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง โดยในเดือน ก.ย. 53 ยอดขายรถยนต็เชิงพาณิชย์และ ขยายตัวที่ต่อเนื่องที่ร้อยละ 35.4 ต่อปี

.

ด้านปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ขยายตัวเร่งขึ้นที่ร้อยละ 4.9 ต่อปี ทั้งนี้ สศค. คาดว่า ในปี 2553 และ ปี 2554 การลงทุนของไทยจะขยายตัวที่ร้อยละ 16.5 ต่อปี ช่วงคาดการณ์ร้อยละ 16.3–16.8 ต่อปี)   และร้อยละ 5.9 ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ร้อยละ 4.9–6.9 ต่อปี) ตามลำดับ

.

2.  ปตท. ประกาศตรึงราคาน้ำมันเพื่อช่วยผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม

-  ปตท. กล่าวว่า แนวโน้มราคาน้ำมันตลาดสิงคโปร์ซึ่งไทยใช้อ้างอิงได้ปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ ส่งผลให้ค่าการตลาดขายปลีกของไทยปรับลดลง แต่จากเหตุการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ของประเทศ ทำให้ประชาชนเดือดร้อน ปตท.จึงพยายามตรึงราคาให้นานที่สุด  

.

ส่วนการจัดส่งน้ำมันและแอลพีจีนั้น ได้พยายามเร่งจัดส่งให้เพียงพอ โดยผลกระทบจากน้ำท่วมทำให้มีอุปสรรคในการขนส่ง ขณะที่สถานีบริการหลายแห่งไม่สามารถให้บริการได้ ซึ่งปตท.จะเร่งขนส่งน้ำมันและแอลพีจีโดยเร็วที่สุด ส่วนยอดการขายน้ำมันของประเทศลดลง โดยในส่วนของ ปตท.ลดลง 7% หรือ 1.35 ล้านลิตรต่อวัน จากเดิมมียอดขายเฉลี่ย 17 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งเป็นผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมในปัจจุบัน

.

-  สศค. วิเคราะห์ว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดดูไบ ณ วันที่ 4 พ.ย. 53 อยู่ที่ 82.91 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตาม ค่าเงินบาทในเดือน พ.ย. 53 แข็งค่าขึ้นมาจากต้นเดือนร้อยละ 0.9 ทำให้ลดแรงกดดันที่จะปรับขึ้นราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ 

.

ทั้งนี้ สศค. คาดว่าในปี 53 ราคาน้ำมันเฉลี่ยทั้งปีจะยังคงอยู่ในกรอบที่คาดไว้ที่ 74 -79 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แม้ว่ามิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลกจะปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในปี 53 จะยังขยายตัวได้ตามที่ประมาณการไว้ที่ร้อยละ 7.3 -7.8 ต่อปี (คาดการณ์ ณ เดือนก.ย. 53)

.

3. Fed ทำ QE เป็นจำนวนทั้งสิ้น 600 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

-  Fed ได้ทำมาตรการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบธนาคาร (Quantitative Easing) เป็นจำนวนทั้งสิ้น 600 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐและเพิ่มการจ้างงานผ่านการรับซื้อพันธนบัตรรัฐบาลซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุระหว่าง 2-10 ปี

.

โดยมาตรการดังกล่าวจะดำเนินไปจนถึงไตรมาสที่ 2 ปี 54 ทั้งนี้ Fed ได้มีการทำมาตรการ QE ครั้งแรกในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจผ่านการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลและ Mortgage-backed securities เป็นจำนวนทั้งสิ้น 1.75 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

.

-  สศค. วิเคราะห์ว่า มาตราการ QE2 น่าที่จะมีผลต่อภาคการเงินแต่ไม่น่าจะมีผลกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นเพียงการ Finance การขาดดุลการคลัง

.

ซึ่งมีผลหากทางรัฐบาลได้นำเงินดังกล่าวไปดำเนินโครงการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจหรืออัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงกระตุ้นให้ภาคครัวเรือนหรือภาคธุรกิจกู้ยืมมากขึ้น ซึ่งมีความเป็นไปได้น้อยเนื่องจากสถาบันการเงินมีความกังวลด้าน NPL ดังนั้นสิ่งที่ควรจับตามองต่อไปคือนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลัง (Fiscal Stimulus) ของรัฐบาลสหรัฐฯ

.
ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง