เนื้อหาวันที่ : 2010-11-04 16:46:49 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2320 views

ผู้หญิงคือทุกสิ่งของอนาคต

ปัจจุบันถ้าดูผิวเผินเหมือนสังคมจะให้ความสำคัญกับผู้หญิงมาก แต่หากดูให้ลึกถึงสถานการณ์จริง ๆ กลับพบว่าน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง

พระมหาประสิทธิ์ (p.yanapathipo@gmail.com)                                                     

.

.

เดือนสิงหาคมถือว่าเป็นเดือนของผู้หญิงจริงๆ เพราะวันที่ 1 ก็เป็นวันสตรีไทย ส่วนวันที่ 12 สิงหาคม ก็เป็นวันแม่แห่งชาติ ซึ่งถือว่าเป็นวันสำคัญของผู้หญิงโดยแท้ ดูผิวเผินเหมือนสังคมจะให้ความสำคัญกับผู้หญิงมาก แต่หากดูสถานการณ์การเรียกร้องประเด็นต่างๆ ของผู้หญิงและสถิติผู้หญิงถูกทำร้ายทั้งทางร่างกายและจิตใจ กลับเป็นภาพที่น่าห่วงใยอย่างยิ่ง

.

ยกตัวอย่างผลวิจัยของมหาวิทยาลัยมหิดล ที่เผยให้เห็นว่าหญิงไทยร้อยละ 44 เคยถูกกระทำรุนแรงโดยคู่ของตน และ 1 ใน 5 ของผู้หญิงทุกกลุ่มอายุมีเพศสัมพันธ์โดยไม่สมัครใจ ในขณะที่ สสส. ก็มีรายงานสถิติหญิงไทยว่า 3 ใน 100 คนสูบบุหรี่ ส่วนจำนวนนักสูบชายนั้นคงที่และมีแนวโน้มลดลง ในปี 2553 นี้

.

จึงมีการรณรงค์ว่า “หญิงไทยฉลาดไม่เป็นทาสตลาดบุหรี่“ เพราะปัจจุบันผู้หญิงก้าวเข้าสู่ความเป็นนักสูบควันเรียบร้อยแล้ว ซึ่งต่อไปก็มีแนวโน้มว่าจะมีปัญหาช่องปาก และมีโอกาสเป็นมะเร็งปากมดลูกสูงกว่าผู้หญิงทั่วไป 4 เท่า และกว่า 2 เท่า ที่นอกจากจะตั้งครรภ์ช้าแล้วยังอาจแท้งบุตรได้

.

ในขณะที่เพลงซึ่งมีเนื้อหาแนวแฟนเก็บแฟนน้อย หรือชู้รักกำลังโด่งดังและเปิดกันทั่วบ้านทั่วเมือง ผู้หญิงเองก็ดูเหมือนจะชอบและยอมรับความจริงตามเนื้อหาของเพลงเสียด้วยซ้ำ แทนที่จะเป็นคติเตือนใจ กลายเป็นพฤติกรรมเลียนแบบ อุทาหรณ์ของท้องวัยเรียนก็ถูกยกเป็นว่าท้องก็เรียนได้ ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ท้องแล้วเรียนได้หรือไม่ได้ แต่เรามุ่งไปที่ปลายเหตุมากเกินไป และรอแต่จะเยียวยา จึงแก้ปัญหาไม่ได้สักที

.

ความจริงแล้วควรจะทำควบคู่กันไป และหากจะออกกฎหมายให้เด็กท้องก็เรียนได้ ก็ต้องหันมาดูด้วยว่ากฏหมายคุ้มครองสิทธิสตรีและเด็กที่มีอยู่นั้นใช้ได้ผลมากน้อยแค่ไหน สิ่งเหล่านี้ทำให้เห็นว่ากระบวนการทางกฎหมายของเรามีปัญหา เพราะกลไกทางจิตใจของเราขาดศีลธรรม เลี่ยงกฎหมายเพื่อผลประโยชน์ เสร็จแล้วก็โทษว่าสังคมเสื่อมทราม 

.

พอดีผู้เขียนได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากพระอาจารย์สามรูป คือ พระอาจารย์พระมหาฐานันดร ผู้เปิดประเด็นว่า “สังคมมองข้ามการพัฒนาผู้หญิง ซึ่งแท้จริงแล้ว ผู้หญิงคือผู้กุมอนาคตของสังคม เป็นหัตถาครองพิภพ เพราะต้องอุ้มท้องเลี้ยงดูสั่งสอนลูกจนทุกคนได้เติบใหญ่“         

.

ท่านอาจารย์ ดร.พระมหาคลองธรรม ย้ำเสริมไปว่า “ด้วยสองมือแม่นี้แหละที่สร้างโลก” ส่วนท่านอาจารย์ ดร.พระมหาไกรวรรณ ก็ยกตัวอย่างอ้างให้เห็นบทบาทของสตรีกับศาสนาและสังคม ทั้งในพระไตรปิฎกและสมัยปัจจุบัน

.

จากการนั่งถอดบทเรียนของการแลกเปลี่ยนครั้งนี้ ทำให้ได้กรอบแนวทางในการที่จะพัฒนาสตรี และสตรีได้พัฒนาตนเองออกมาเป็นบทสรุปสั้นๆ 3 ประการ คือ

.

1. ต้องวางกรอบทางกฎหมายคู่ไปกับค่านิยมของสังคม (ศีล) และมีไว้สำหรับบังคับใช้เพื่อปกป้องและส่งเสริมสิทธิสตรี เป็นการปิดช่องชั่วร้าย แต่เปิดโอกาสความดีให้สตรีได้พัฒนา มีพื้นที่ปลอดภัย เพื่อที่จะเรียนรู้เสรีภาพทางเพศได้อย่างเหมาะสม ไม่ใช่แค่ที่หลบภัยซึ่งพอไปอยู่แล้วก็รู้สึกว่าเป็นตัวปัญหา จิตใจไม่น้อมนำมาสู่การพัฒนา และไม่ให้ลักษณะทางเพศของสตรีถูกตีค่าเป็นสินค้าอย่างที่ปรากฏในสื่อต่างๆ

.

2. จิตใจของผู้หญิงได้รับการดูแลและพัฒนา (สมาธิ) แม้สถิติการทำร้ายร่างกายผู้หญิงจะมีเป็นจำนวนมาก แต่การทำร้ายที่กระทบถึงจิตใจนั้นมีมากกว่าหลายเท่า นับตั้งแต่การถูกหยามเกียรติด้วยสายตาและท่าทาง ตลอดจนถึงการละเมิดเสรีภาพทางร่างกายก็เป็นการทำร้ายผู้หญิงแล้ว ในชีวิตประจำวันเราจะพบเห็นได้บ่อยมากในทุกๆ ที่ ที่สตรีอยู่ร่วมกับคนในสังคม หรือแม้แต่ผู้หญิงด้วยกัน

.

ดังนั้นการดูแลและพัฒนาจิตใจผู้หญิงจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อลดภาวะความกดดันหรือความเครียด และความหลงผิด เพื่อให้จิตใจดีงามเบิกบานแจ่มใส สุขภาพจิตของผู้หญิงคือสุขภาพจิตของสังคม เพราะผู้หญิงต้องดูแลพ่อแม่ สามี ลูก เจ้านาย ลูกค้า และพยาบาลที่ดูแลผู้ป่วยส่วนใหญ่ก็เป็นผู้หญิง                            

.

การที่เธอได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจจะส่งผลต่อตนเองและคนรอบข้างได้ แต่ถ้าจิตใจได้พัฒนาให้มีความเข้มแข็ง อดทน มีศักยภาพที่พร้อมจะเผชิญสังคมอย่างรู้สึกตัว คุณมหาศาลก็จะเกิดขึ้นจากน้ำใจอันงดงามของสตรีไทย

.

3. เพิ่มความรู้ความสามารถและบทบาทในสังคม (ปัญญา) เป็นการสร้างคุณค่าเพิ่มให้กับสตรี เพราะคนจะเอาเปรียบได้ถ้าเธอนั้น “สวยใสแต่ไร้สมอง“ แต่ความรู้ในที่นี้ไม่ได้หมายความแค่ใบปริญญา แต่ต้องกอปรด้วยจิตเมตตาแห่งรักอันบริสุทธิ์ เพราะสังคมปัจจุบันมีความอยุติธรรมทางเพศสูง แม้ปากจะบอกว่าเสมอภาค แต่ทางปฏิบัติกลับเหลื่อมล้ำลึก   และภาระของผู้หญิงก็มีมากขึ้น

.

ลองเปิดเพลง “สตรีศรีสยาม“ ของคุณปาน ธนพร ฟังดู จะเห็นภาพชัดทีเดียว จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแสวงหาแนวทางวิธีการเพื่อที่จะพัฒนาจิตปัญญาของสตรี และผู้หญิงก็จะต้องปรับตัวให้เท่าทันสังคม  ก้าวย่างอย่างระมัดระวัง มีสติ รู้ตน รู้คน รู้จังหวะโอกาสด้วยความไม่ประมาท ไม่ลุ่มหลงมายาโลกสมมุติมากเกินไป  เพราะต่อให้วิ่งไล่อย่างไรก็ไม่มีทางทันสมัย แต่ถ้าตระหนักถึงคุณค่าของตนเองอย่างแท้จริง สมัยไหนก็อยู่ได้อย่างเป็นสุข

.

สังคมที่เล็กที่สุด ที่มีผลต่อการพัฒนาการของสังคมไทย มีผลต่อการนำอนาคตของประเทศชาติไปในทิศทางใดก็ตาม ก็คือสังคมในบ้าน ผู้หญิงเป็นผู้ที่มีส่วนอย่างมากในการนำพาอนาคตของประเทศไทยไปสู่จุดมุ่งหมายที่ต้องการได้ เพราะผู้หญิงเป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับลูกมากที่สุด หากเปรียบว่าเยาวชนคืออนาคตของประเทศชาติ ผู้หญิงก็เท่ากับเป็นผู้สร้างอนาคตของประเทศชาติ ซึ่งก็คือ “ลูก“ ของเธอเอง

.

เพราะฉะนั้นการพัฒนาให้ผู้หญิงมีศักยภาพในการถ่ายทอดความดีความงามในใจ ก็ต้องปลูกฝังสิ่งที่ดีงามให้เกิดขึ้นในใจของผู้หญิงก่อน เพื่อให้เธอมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา แล้วผู้หญิงซึ่งเป็นคนที่อยู่ใกล้ชิดกับอนาคตของชาติที่สุด และทำหน้าที่เป็นแม่ก็จะถ่ายทอดคุณงามความดี ศีลธรรมนั้นลงไปในเมล็ดพันธุ์แห่งอนาคตของชาติ ซึ่งก็คือเยาวชน

.

ท่านอาจารย์ ดร.พระมหาคลองธรรมกล่าวทิ้งท้ายว่า “อนาคตของประเทศไทยจะดีกว่านี้ หากเสริมสร้างพัฒนาผู้หญิงให้สมกับคำว่า “ด้วยสองมือแม่นี้ที่สร้างโลก” เช่น พระนางสิริมหามายา ซึ่งเป็นผู้หญิงที่มีบทบาทต่ออนาคตขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะผู้หญิงคนนี้อยู่เคียงข้างพระพุทธเจ้ามาทุกๆ ชาติ เป็นผู้ที่คอยหล่อหลอมเลี้ยงดูหน่อเนื้อแห่งพุทธะ”

.

เมื่อลูกดี พ่อแม่ก็ดีใจ สังคมซึ่งเป็นที่อยู่ของเธอก็จะดีตามไปด้วย ความงดงามและความสุขก็จะเกิดขึ้นในสังคม ดังนั้น  ผู้หญิงกับผู้ชายต้องเดินไปด้วยกันเพื่ออนาคตที่ดีของสังคมไทย และสังคมโลกต่อไป จึงขออนุญาตใช้พื้นที่นี้เรียกร้องให้ทุกฝ่าย  ดูแลผู้หญิงให้มากกว่านี้