เนื้อหาวันที่ : 2010-11-01 16:14:41 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1933 views

แสนสิริปลื้ม ยอดขายเดือน ต.ค. พุ่งสูงสุดเป็นประวัติกาล

แสนสิริ เผยยอดขาย ต.ค. 53 สูงสุดเป็นประวัติกาล กว่า 6,300 ล้าน มั่นใจธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย ยังมีปัจจัยเสริมการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)

.

แสนสิริ เผยยอดขาย ต.ค. 53 สูงสุดเป็นประวัติกาล กว่า 6,300 ล้าน มั่นใจธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย ยังมีปัจจัยเสริมการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

.

แสนสิริ โหมทำตลาดอย่างหนักรุกต้นไตรมาสสุดท้ายปี 53 ระดมเปิดตัวโครงการทั้งแนวราบแนวดิ่ง ตอบโจทย์ทุกกลุ่มตลาด ส่งผลสามารถสร้างยอดขายรวมตลอด ต.ค. 53 ได้สูงสุดเป็นประวัติกาลรวมกว่า 6,300 ล้านบาท ท่ามกลางกระแสการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น แต่เชื่อมั่นตลาดยังอยู่ในภาวะสมดุล ชี้ยังมีปัจจัยเสริมอีกหลายประการที่นำตลาดเติบโตได้อย่างมีศักยภาพ

.

นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า นับเป็นสัญญาณดีที่ในเดือน ต.ค. 53 ที่ผ่านมา แสนสิริ สร้างยอดขายรวมได้สูงสุดเป็นประวัติกาล รวม 6,300 ล้านบาท ซึ่งหากพิจารณาเชิงลึกแล้ว พบว่า ความต้องการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยยังมีอยู่มาก และเท่าที่สำรวจส่วนใหญ่มักจะซื้อเพื่อการอยู่อาศัย

.

โดยผลวิจัยจากหลายภาคส่วนที่นำเสนอสู่ตลาดนั่น ยังระบุชัดเจนว่า ปริมาณการนำเสนอโครงการสู่มือผู้บริโภคยังอยู่ในภาวะที่สมดุล และอาจจะยังน้อยไปกับความต้องการในบางทำเลอีกด้วย

.

ดังนั้น จึงอยากให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่า ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย ยังไม่น่ากังวลดังที่หลายฝ่ายหวั่นวิตก เพราะในด้านผู้ประกอบการเองก็ต่างระมัดระวังในการพัฒนาโครงการ ทุกอย่างที่นำเสนอเชื่อว่าทุกค่ายต่างมั่นใจว่ามีกำลังซื้อเพื่อตอบสนองอยู่แล้ว          

.

ในขณะที่กลไกด้านการเงินก็เฝ้าระวังในการปล่อยสินเชื่อกว่าในอดีตที่ผ่านมาอย่างชัดเจน และที่สำคัญ ผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ก็มีความรู้ในการเลือกซื้อโครงการอสังหาริมทรัพย์มากขึ้นเช่นกัน และหากรวมความระมัดระวังของทั้ง 3 กลไก ย่อมเป็นเครื่องบ่งชี้ให้เห็นว่า ประเทศไทยยังอยู่ในสภาพที่พร้อมที่จะผลักดันให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เติบโตอย่างมั่นคง

.

“ผมเชื่อว่าตลาดอสังหาฯ จะยังมีอัตราการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง เพราะถ้าเราดูปัจจัยหลายๆ ประการประกอบกันจะเห็นว่าล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยหนุนทั้งนั้น ในด้านเศรษฐกิจ การเงิน ผลของการที่ค่าเงินบาทยังแข็งอยู่ สำหรับภาคอสังหาริมทรัพย์แล้วน่าจะเป็นผลดี เพราะเราน่าจะเห็นการตรึงอัตราดอกเบี้ยในเรตที่ต่ำอยู่          

.

ซึ่งจะส่งผลให้ผู้บริโภคที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยจริงๆ มีความสามารถในการกู้ซื้อที่อยู่อาศัยได้ง่าย ประกอบกับอัตราการขยายตัวของตัวเลข GDP ในปีนี้ที่ก็ยังมีอัตราที่ยังคงไว้ซึ่งตามที่คาดหมายไว้ แม้จะมีปัญหาเรื่องของความไม่สงบและอุทกภัยที่เกิดขึ้น แต่จากแนวโน้มที่ผ่านมาคาดว่าตัวเลขไม่น่าจะปรับลงต่ำกว่าเดิม”

.

“นอกจากนี้แล้วในเชิงสังคม เราจะเห็นได้ว่าผลสำรวจตัวเลขของสมาชิกในครอบครัวมีขนาดที่เล็กลง ชี้ให้เห็นว่า ประเทศไทยมีแนวโน้มการแยกครอบครัวสูงขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่อยู่อาศัยก็น่าจะเพิ่มตามไปด้วย และเมื่อประกอบกับการขยายแนวระบบขนส่งคมนาคมและสาธารณูปโภคพื้นฐานไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าและถนนเส้นใหม่          

.

รวมถึงภาคเอกชนที่มีการขยายตัวด้านอื่นๆ เพื่อรองรับการขยายตัวของโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าว ยิ่งทำให้แนวโน้มของตลาดอสังหาฯ น่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดีต่อเนื่อง” นายเศรษฐา ทวีสิน กล่าว

.

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจของแสนสิริในช่วงไตรมาส 4 ของปี 53 นั้น นายเศรษฐา ทวีสิน กล่าวเพิ่มเติมในส่วนดังกล่าวว่า “แสนสิริพร้อมพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ ทั้งคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว และทาวน์เฮ้าส์ เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าทุกเซกเมนต์ รวม 11 โครงการ มูลค่าโครงการขายรวม 18,900 ล้านบาท

.

แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 7 โครงการ มูลค่ารวม 15,000 ล้านบาท โครงการบ้านเดี่ยว 2 โครงการ มูลค่ารวม 2,800 ล้านบาท และทาวน์เฮาส์ 2 โครงการ มูลค่ารวม 1,100 ล้านบาท โดยแต่เดิมเราตั้งเป้าหมายยอดขายในไตรมาสนี้ไว้ที่ 9,000 ล้านบาท แต่เมื่อกระแสตอบรับในเดือน ต.ค. ที่ผ่านมามากสุดเป็นประวัติกาล

.

แสนสิริ จึงอยู่ระหว่างการปรับแผนการตลาดเชิงรุก เพื่อต่อยอดจังหวะการขายดังกล่าวให้เพิ่มสูงยิ่งขึ้น และจากการที่หลายบริษัทต่างออกมาสร้างความคึกคักในตลาด ยิ่งทำให้กระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคได้มากขึ้นเช่นกัน ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยต่อเนื่องไปอีก 1-2 ปีข้างหน้า”