เนื้อหาวันที่ : 2010-10-14 10:53:07 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 728 views

ภาวะเศรษฐกิจประจำวันที่ 14 ต.ค. 2553

1. นายกรัฐมนตรีคาด GDP ปี 53 ขยายตัวร้อยละ 7 – 8 ต่อปี

-  นายกรัฐมนตรี  กล่าวว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย (GDP) ในปีนี้จะอยู่ที่ร้อยละ 7 - 8 ต่อปี จากก่อนหน้าที่คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้เพียงร้อยละ 4 – 5 ต่อปี โดยสาเหตุสำคัญมาจากดัชนีภาคส่งออกที่ช่วยเป็นแรงขับเคลื่อน โดยคาดว่าปีนี้การส่งออกของไทยจะเติบโตร้อยละ 20 - 30 ต่อปี

.

ทั้งนี้ มองว่าการเติบโตของภาคการส่งออกของไทยในปีนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการรวมกลุ่มของกลุ่มประเทศอาเซียนในช่วงที่ผ่านมา จนมีการผลักดันข้อตกลงเขตการค้าเสรี รวมถึงการเข้าเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจร่วมกับประเทศที่สำคัญ เช่น อินเดีย จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และเกาหลีใต้

.

-  สศค. วิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจไทยในปี 53 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นมาขยายตัวที่ร้อยละ 7.5 ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 7.3 – 7.8 ต่อปี) โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวที่สูงในช่วงครึ่งปีแรกที่ขยายตัวถึงร้อยละ 10.6 ต่อปี ประกอบกับการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า ที่จะส่งผลให้การส่งออกสินค้าและบริการในปี 53 มีแนวโน้มขยายตัวในอัตราสูงที่ร้อยละ 13.9 ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 13.7 – 14.2 ต่อปี)

.

นอกจากนั้น การใช้จ่ายภายในประเทศในปี 53 ทั้งการลงทุนและการบริโภคภาคเอกชน ยังมีแนวโน้มฟื้นตัวจากฐานที่ต่ำในช่วงเดียวกันของปีก่อน

.

2. BOI เผยยอดขอรับการลงทุน 9 เดือน ปี 53  ขยายตัวร้อยละ 44.7 ต่อปี

-  คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เปิดเผย ยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนช่วง 9 เดือน ปี 53 (ม.ค.-ก.ย. 53) ว่า มีนักลงทุนให้ความสนใจยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนผ่าน  BOI จำนวนทั้งสิ้น 1,107 โครงการ เพิ่มขึ้นประมาณ ร้อยละ 44.7 ต่อปี เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี 765 โครงการ

.

ขณะที่มูลค่าเงินลงทุนอยู่ที่ 286,100 ล้านบาท ปรับลดลงเล็กน้อย หรือประมาณร้อยละ 2.69 ต่อปี เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีมูลค่าอยู่ที่ 294,000 ล้านบาท

.

-  สศค. วิเคราะห์ว่า  จำนวนยอดขอรับการลงทุนที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงสภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวอย่างชัดเจน ประกอบกับความสนใจของนักลงทุนต่างชาติที่มีความต้องการเข้ามาลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง โดยประเภทกิจการที่นักลงทุนยื่นขอสูงสุด ได้แก่ กิจการบริการ และสาธารณูปโภค จำนวน 308 โครงการ มูลค่าลงทุนจำนวน 125,300 ล้านบาท

.

กิจการเกษตรกรรมและผลิตผลจากการเกษตรจำนวน 191 โครงการ มูลค่าลงทุนจำนวน 44,000 ล้านบาท เป็นต้น สำหรับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มีจำนวน 605 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนกว่า 132,996 ล้านบาท คิดเป็นการขยายตัวร้อยละ 23.98 ต่อปี โดยเป็นนักลงทุนจากญี่ปุ่น สิงคโปร์ และจีน เพิ่มขึ้นร้อยละ 45.5 20.0 และ 37.5  ต่อปี ตามลำดับ ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของการขยายการลงทุนเพิ่มในไทย

.
3. ดุลการค้าของจีนเดือน ก.ย.53  เกินดุลสูงถึง 16.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ 

-  ยอดเกินดุลการค้าเดือน ก.ย.53 ของจีนอยู่ที่ 16.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  โดยการส่งออกสามารถขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.1  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน  ขณะที่การนำเข้าขยายตัวร้อยละ 24.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน  และส่งผลให้ไตรมาสที่ 3 ปี 53  จีนมีการเกินดุลการค้าสูงถึง 65.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับการค้าเกินดุลสูงสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจปี 2551

.

-  สศค. วิเคราะห์ว่า  การเกินดุลการค้าของจีนในระดับสูงในไตรมาสที่ 3 ปี 53 จะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจจีนสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง  โดย สศค. คาดว่า เศรษฐกิจจีนในปี 53 จะเติบโตสูงถึงร้อยละ 10.3 ต่อปี  (คาดการณ์ ณ เดือน ก.ย.53)  เร่งขึ้นจากปี 52 ที่ขยายตัวร้อยละ 8.7 ต่อปี 

.

ทั้งนี้ แนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนที่เป็นไปอย่างต่อเนื่อง  จะส่งผลดีต่อการส่งออกของไทยซึ่งมีจีนเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญอันดับ 2  โดยคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ10.6 ของมูลค่าส่งออกรวม  และคาดว่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวได้ในระดับสูงที่ร้อยละ 7.0-8.0 ต่อปี  (คาดการณ์ ณ เดือน ก.ย.53)

.
ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง