เนื้อหาวันที่ : 2010-10-04 10:40:28 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 637 views

“พาณิชย์” เตือนผู้ส่งออกระวัง “ปากีฯ” แย่งตลาดมะม่วงสดในสหรัฐฯ

นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เผยว่า ปัจจุบันประเทศสหรัฐอเมริกาได้อนุญาตให้นำเข้ามะม่วงสดจากปากีสถานเข้ามาจำหน่ายได้ โดยต้องเป็นมะม่วงที่ปลอดแมลง ได้รับการฆ่าแมลงด้วยวิธีฉานรังสีในอัตราระดับ 400 Grey ตามระเบียบของสำนักงานตรวจสอบพันธ์พืชและสัตว์ กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ แต่อนุญาตให้นำเข้าเพื่อการค้าเท่านั้น    

.

โดยปัจจุบันประเทศปากีสถานเป็นผู้ผลิตมะม่วงสดเป็นอันดับที่ 6 รองจากไทยที่อยู่อันดับ 3 และมะม่วงปากีสถานเป็นมะม่วงสายเดียวกันกับมะม่วงอินเดียซึ่งเป็นประเทศที่ผลิตมะม่วงมากที่สุดในโลกหรือร้อยละ 50 ของโลก

.

“สหรัฐฯ เป็นผู้นำเข้ามะม่วงสดรายใหญ่ของโลก โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2553 มีมูลค่ากว่า 109.38 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งขยายตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 9.3 และมีแหล่งนำเข้าสำคัญได้แก่ เม็กซิโก เปรู และกัวเตมาลา โดยไทยส่งออกมะม่วงสดไปสหรัฐฯ เป็นอันดับที่ 13 ในช่วงเดือนมกราคม-สิงหาคม 2553 มีมูลค่าการส่งออกกว่า 0.05 ล้านเหรียญสหรัฐฯ” นางนันทวัลย์ กล่าวเพิ่มเติม

.

อย่างไรก็ตาม แม้ว่ามะม่วงสดจากทางปากีสถานจะต้องได้รับการฉายรังสีก่อนส่งเข้าไปจำหน่ายยังสหรัฐฯ เช่นเดียวกันกับมะม่วงสดจากอินเดียและของไทยเองก็ตาม แต่ทางปากีสถานสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาที่ทางไทยต้องเผชิญอยู่ในขณะนี้ นั้นคือต้นทุนการขนส่งทางอากาศ                 

.

เพราะทางปากีสถานสามารถคิดค้นเทคโนโลยีที่สามารถยืดอายุความสดของมะม่วงให้นานกว่าปกติคือมีอายุอยู่ได้ถึง 40 วันหลังจากวันที่เก็บเกี่ยว ซึ่งข้อได้เปรียบนี่เองที่ทำให้ปากีสถานสามารถขนส่งมะม่วงสดทางเรือแทนการขนส่งทางอากาศได้ ทำให้ต้นทุนการขนส่งต่ำลง ซึ่งราคามะม่วงที่เข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ จะมีราคาที่ไม่สูงสามารถที่จะแข่งขันกับมะม่วงไทยที่มีรสชาดอร่อยกว่าได้

.

นางนันทวัลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันทางกรมส่งเสริมการส่งออก ได้ให้การสนับสนุนผู้ประกอบการไทยที่ศักยภาพสูงเข้าไปลงทุนทำสวนผลไม้เมืองร้อนของไทยในสหรัฐฯ ในกลุ่มประเทศแคริบเบียน หรืออเมริกากลาง และส่งผลผลิตเข้ามาจำหน่ายในสหรัฐฯ ซึ่งนับเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ทำให้มะม่วงไทยสามารถแข่งขันได้ เพราะผลผลิตจะมีต้นทุนที่ต่ำกว่าการผลิตภายในประเทศและส่งออก และยังเป็นการขยายตลาดในระยะยาวที่มั่นคง