เนื้อหาวันที่ : 2010-09-28 09:01:30 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 533 views

"มาร์ค" แนะภาคประชาชนช่วยรัฐแก้ปัญหาผลกระทบจากมลพิษ

นายกรัฐมนตรีเผยคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมฯ ไม่ได้ทบทวนการออกประกาศ 11 ประเภทกิจการที่มีผลกระทบรุนแรงต่อชุมชน ขณะที่เลขาธิการนายกฯ เตรียมลงพื้นที่มาบตาพุดก่อน 30 ก.ย.ประสานงานกับเครือข่ายภาคประชาชน 

.

วานนี้ (27 ก.ย.) เวลา 17.40 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี  ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ว่า ที่ประชุมมีมติให้อุทธรณ์คำตัดสินศาลปกครองกลางในคดีนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง

.

 ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับข้อกฎหมายและประเด็นทางเทคนิคคือผู้ร้องมีสิทธิร้องหรือไม่ และฟ้องถูกองค์กรหรือไม่ แต่ไม่ได้ลงไปในประเด็นการออกประกาศให้กิจการ 11 ประเภทเป็นกิจการที่มีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชุมชน ซึ่งในการประชุมนัดนี้ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมฯ ไม่มีการทบทวนการออกประกาศดังกล่าว

.

อย่างไรก็ตามทราบว่าในวันที่ 30 กันยายนจะมีการชุมนุมคัดค้านในพื้นที่ ซึ่งนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่รับผิดชอบแก้ไขปัญหาภาพรวมเรื่องมาบตาพุดกำลังประสานงานกับเครือข่ายภาคประชาชนอยู่ และทราบว่าจะลงพื้นที่ก่อนวันที่ 30 กันยายนนี้      

.

“เรื่องการออกประกาศ 11 กิจการ หรือ 18 กิจการ ไม่ได้แตกต่างกันเลย ถ้าจะต่างคือ 11 กิจการทำให้เกิดความเข้มงวดขึ้นสำหรับกรณีมาบตาพุด จากเดิมที่ไม่มีโครงการชลประทาน โครงการผันน้ำ แต่ปัญหาของมาบตาพุดที่ต้องติดตามอย่างต่อเนื่องคือโครงการบรรเทาผลกระทบ จากมลพิษ มาตรการเฝ้าระวังและป้องกันมลพิษ และการได้ข้อยุติเกี่ยวกับการขยายตัวของอุตสาหกรรมว่าพื้นที่สามารถรองรับมลพิษได้หรือไม่

.

ซึ่งประเด็นเหล่านี้มีความคืบหน้าพอสมควร และหวังว่าภาคประชาชนจะมาทำงานร่วมกับรัฐบาล ร่วมแก้ปัญหาให้ชาวระยอง มากกว่าจะไปดูว่ากิจการไหนควรทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ)  หรือการประเมินผลกระทบด้านสุขภาพ (เอชไอเอ)” นายกรัฐมนตรีกล่าว                

.

นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงความคืบหน้าในการขึ้นเวทีถกเถียงข้อเท็จจริงกรณีมาบตาพุดกับนายสุทธิ อัชฌาศัย ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก ว่า ขณะนี้ยังไม่มีกำหนดการ แต่นายสุทธิอยากมีโอกาสแลกเปลี่ยนกัน ขณะนี้นายกอร์ปศักดิ์กำลังประสานงานอยู่ อะไรทำให้เกิดความเข้าใจดีขึ้นก็ไม่มีปัญหา แต่สิ่งที่อยากเรียกร้องคือความเคลื่อนไหวทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย 

.
ที่มา : เว็บไซต์รัฐบาลไทย