เนื้อหาวันที่ : 2010-08-06 08:31:16 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 508 views

สศค. ยันคง VAT 7% เหมาะสมแล้ว

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ยืนยันการคงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่ร้อยละ 7 ในช่วงที่เศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัว มีความเหมาะสมแล้ว

.

นายสาธิต รังคสิริ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยว่าตามที่รัฐบาลได้มีมาตรการขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มจากร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 7 ต่อไปอีกเป็นระยะเวลา 2 ปี (ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553 ถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2555) ถือได้ว่ามีความเหมาะสมและอยู่ภายใต้หลักการและเหตุผลสำคัญ ดังนี้

 .

1. ฐานะการคลังในปีงบประมาณ 2553 อยู่ในเกณฑ์มั่นคงจากรายได้รัฐบาลที่สามารถจัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมายเป็นจำนวนมาก โดยรัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2553 (วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2552 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2553) แล้วกว่า 1.24 ล้านล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 2.46 แสนล้านบาท หรือร้อยละ 24.8 (สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ 21.2) และทำให้ทั้งปีงบประมาณ 2553 กระทรวงการคลังคาดว่าจะสามารถจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิได้สูงกว่าเป้าหมายกว่า 3 แสนล้านบาท

 .

2. ฐานะการคลังในระยะปานกลางยังคงมีความยั่งยืนสะท้อนได้จากแนวโน้มหนี้สาธารณะยังคงอยู่ในเกณฑ์เหมาะสม ภายใต้กรอบความยั่งยืนทางการคลัง โดยการจัดเก็บรายได้รัฐบาลที่เพิ่มขึ้นมากตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา

.

ประกอบกับการที่รัฐบาลได้ถอนร่างพระราชบัญญัติการกู้เงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจฯ จำนวน 4 แสนล้านบาท ได้ทำให้ฐานะการคลังของประเทศมีความมั่นคงมากขึ้น โดยภาระหนี้สาธารณะต่อ GDP ในปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 42.6 ซึ่งต่ำกว่ากรอบความยั่งยืนทางการคลังที่ตั้งไว้ไม่เกินร้อยละ 60 ค่อนข้างมาก

 .

3. การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น โดยการขยายตัวในช่วงที่ผ่านมาได้รับปัจจัยบวกสำคัญจากการส่งออกที่ขยายตัวได้ดีในขณะที่การบริโภคภาคเอกชนยังไม่สามารถฟื้นตัวได้เต็มที่โดยการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวที่ร้อยละ4 ต่อปี ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2553 หลังจากที่หดตัวร้อยละ -1.1 ต่อปีในปี 2552 ซึ่งหากปรับขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มในเวลานี้อาจส่งผลกระทบต่อการบริโภคภาคเอกชนที่กำลังอยู่ระหว่างการฟื้นตัว

 .

4. ทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังมีความเปราะบางและไม่แน่นอนอันเนื่องมาจากปัญหาเศรษฐกิจของประเทศกลุ่มยุโรปใต้ ปัญหาการว่างงานในสหรัฐอเมริกาและยุโรปและมาตรการควบคุมปัญหาฟองสบู่ของจีน ซึ่งปัจจัยต่างๆ เหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าและบริการของไทยและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยโดยรวมได้ในอนาคตต่อไป

 .

กล่าวโดยสรุป ด้วยเหตุผลตามที่กล่าวข้างต้นรัฐบาลจึงยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มภาระภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับประชาชนและภาคธุรกิจในช่วงนี้เพื่อให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน