เนื้อหาวันที่ : 2007-02-14 09:21:40 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 840 views

ก.คมนาคม เตรียมชี้ขาดชะตากรรมสนามบิน "สุวรรณภูมิ"

กระทรวงคมนาคมรอผลสรุปการตรวจสอบสาเหตุรอยแตกร้าวของทางวิ่งและทางขับ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ก่อนนำมาวิเคราะห์ด้านเทคนิคและสรุปผลทั้งหมด ก่อนตัดสินชัดเจนต้องปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพื่อซ่อมแซมหรือไม่ ยืนยันการตัดสินใจทุกอย่างต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง

สำนักข่าวไทยรายงานข่าว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรอผลสรุปการตรวจสอบสาเหตุรอยแตกร้าวของทางวิ่ง (รันเวย์) และทางขับ (แท็กซี่เวย์) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ก่อนนำมาวิเคราะห์ด้านเทคนิคและสรุปผลทั้งหมด คาดวันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ จะรู้ผลชัดเจนว่าจะต้องปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพื่อซ่อมแซมหรือไม่ ยืนยันการตัดสินใจทุกอย่างต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง

.

พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงผลสรุปการตรวจสอบสาเหตุรอยแตกร้าวของรันเวย์และแท็กซี่เวย์ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ว่า ผลการตรวจสอบที่คณะกรรมการกลางตรวจสอบปัญหาการแตกร้าวของแท็กซี่เวย์และรันเวย์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่มีนายต่อตระกูล ยมนาค กรรมการบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เป็นประธาน จะเป็นการสรุปผลการตรวจสอบในขั้นต้นและขั้นตอนหลังจากนี้จะต้องมีการนำข้อสรุปที่ได้มาวิเคราะห์ทางด้านเทคนิค เพื่อยืนยันความถูกต้องของข้อสรุปดังกล่าวอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปสุดท้ายภายในวันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ ก่อนที่จะนำผลสรุปเข้ารายงานต่อนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีต่อไป รวมถึงผลที่ได้จากการตรวจสอบครั้งนี้จะนำไปสู่การเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องตามกระบวนการทางยุติธรรม

.

ต้องรอผลการตรวจสอบสาเหตุของความเสียหายที่แท้จริงก่อน จึงจะสามารถสรุปได้ว่าจะต้องปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพื่อซ่อมแซมหรือไม่ ซึ่งหากผลการตรวจสอบสาเหตุของคณะกรรมการฯ ชี้ชัดว่าความเสียหายมีความรุนแรงถึงขั้นต้องปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทั้งหมดเพื่อซ่อมแซม ก็พร้อมที่จะดำเนินการ เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร แต่ขณะนี้ผลสรุปสาเหตุที่แท้จริงยังไม่ได้ข้อสรุปสุดท้าย ก็ไม่ควรจะพูดว่าจะต้องปิดท่าอากาศยานเพราะจะส่งผลกระทบหลายด้านทั้งความเชื่อมั่นของนักลงทุน นักท่องเที่ยวและกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม โดยการพิจารณาในเรื่องดังกล่าวต้องทำด้วยความรอบคอบ

.

และตั้งอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องและความเป็นจริง และที่ผ่านมาก็มีเพียงรายงานความเสียหายในบางจุดของท่าอากาศยานเท่านั้น ซึ่งส่วนตัวแล้วยังไม่เคยออกมาพูดว่าจะต้องปิดท่าอากาศยานซ่อม และยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์แอบแฝงใด ๆ และไม่ได้อยู่ข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่อยู่ฝ่ายของประชาชนและจะให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้โดยสารและผู้มาใช้บริการ รวมถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก พล.ร.อ.ธีระกล่าว

.

ส่วนการตรวจสอบพื้นที่ 30 จุดอันตรายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมินั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุว่าเป็นสิ่งจำเป็นต้องดำเนินการเพื่อเอกซ์เรย์จุดต่าง ๆ ที่เป็นปัญหาให้ครอบคลุม รวมถึงพื้นที่ที่ไม่มีปัญหาด้วย เพื่อจะได้ซ่อมแซมให้เสร็จเรียบร้อยภายในครั้งเดียว ซึ่งเป็นการประหยัดเวลาและงบประมาณของชาติ และลดผลกระทบด้านความเชื่อมั่น

.

สำหรับแผนการย้ายเที่ยวบินบางส่วนกลับไปยังท่าอากาศยานกรุงเทพ พล.ร.อ.ธีระ กล่าวว่า เป็นสิ่งจำเป็นต้องดำเนินการ เพราะขณะนี้ปริมาณผู้โดยสารต่อปีของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิใกล้เต็มขีดความสามารถที่ 45 ล้านคนแล้ว โดยขณะนี้ปริมาณผู้โดยสารของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอยู่ที่ 42 ล้านคนต่อปี ซึ่งหากไม่มีการย้ายสายการบินบางส่วนเข้าไปใช้ท่าอากาศยานกรุงเทพ เพื่อลดความแออัดก็จะมีปัญหาในอนาคต เพราะ ทอท. เองก็มีปัญหาด้านการลงทุนขยายท่าอากาศยาน โดยกระทรวงคมนาคมจะเชิญสายการบินมาหารืออีกครั้งหลังได้ผลสรุปของคณะกรรมการกลางตรวจสอบฯ แล้ว เพื่อที่จะหาข้อสรุปว่าจะมีสายการบินใดบ้างที่สมัครใจกลับไปใช้ท่าอากาศยานกรุงเทพและจะมีการพิจารณาคัดเลือกสายการบินตามความเหมาะสมอีกครั้ง.