เนื้อหาวันที่ : 2007-02-05 09:12:04 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 771 views

นักลงทุน ชี้หากเลือกตั้งติด "โรคเลื่อน" เศรษฐกิจไทยทรุดแน่!

บลจ.เอ็มเอฟซีชี้หากเลือกตั้งได้เร็วจะกระตุ้นเศรษฐกิจและลงทุนฟื้นตัว นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศยังคงชะลอการลงทุนเพื่อรอความชัดเจนทางการเมือง โดยเฉพาะการจัดการเลือกตั้งและการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งหากทุกอย่างดำเนินไปด้วยความเรียบร้อยทุกอย่างจะดีขึ้น

ผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี ให้น้ำหนักการเมืองมีผลมากที่สุดต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย ชี้หากมีการเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ได้โดยเร็วจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้นได้ แนะรัฐบาลโรดโชว์ให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับนักลงทุน เพราะที่ผ่านมาเกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับมาตรการของภาครัฐ

.

นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บลจ.เอ็มเอฟซี และนายกสมาคม บลจ. กล่าวว่า การที่อัตราขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปีนี้ลดลงเนื่องจากมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสถานการณ์ทางการเมืองและมาตรการกำกับดูแลจากหน่วยงานของภาครัฐ ทำให้การลงทุนลดลงอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2549 แต่หลังจากเข้าผ่านเดือนแรกของปี 2550 ภาวะการลงทุนเข้าสู่ภาวะปกติ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศยังคงชะลอการลงทุนเพื่อรอความชัดเจนทางการเมือง โดยเฉพาะการจัดการเลือกตั้งและการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งหากทุกอย่างดำเนินไปด้วยความเรียบร้อยทุกอย่างจะดีขึ้น

.

นอกจากนี้ ความสม่ำเสมอและความแน่นอนของนโยบายทางการเงินเป็นสิ่งที่นักลงทุนต่างชาติคาดหวัง เพราะจะมีผลกระทบต่อการวางแผนทางธุรกิจในอนาคต หากนโยบายเปลี่ยนแปลงบ่อยจะเป็นอุปสรรคต่อการลงทุนของต่างชาติ ซึ่งที่ผ่านมามาตรการภาครัฐได้สร้างผลกระทบต่อนักลงทุนต่างชาติพอสมควร ดังนั้น รัฐบาลควรที่จะพบปะและให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับนักลงทุนต่างประเทศให้มากขึ้น เพราะอาจสื่อความไม่ชัดเจนจนเป็นความเข้าใจผิด อีกทั้งรัฐบาลจะต้องเร่งโครงการลงทุนของภาครัฐ เช่น โครงการสร้างรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นโครงการที่จะกระตุ้นให้การลงทุนของภาคเอกชนตามมาอย่างต่อเนื่อง

.

รัฐบาลควรทำโรดโชว์ให้มากขึ้นเพื่อให้ข้อมูลที่แท้จริงกับนักลงทุนต่างชาติ และต้องพยายามดึงบรรยากาศการลงทุนโดยรวมให้กลับคืนมา นายพิชิต กล่าว

.

ส่วนภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยปีนี้ คาดว่าดัชนีจะเคลื่อนไหวในลักษณะประคองตัว เพื่อรอความชัดเจนทางการเมืองและภาวะตลาดโดยรวมเป็นไปตามการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4-5 ส่วนกำไรจากราคาหุ้น (Capital Gain) จะทำได้ยากขึ้น เพราะราคาหุ้นคงไม่ฟื้นตัวขึ้นแรง แต่เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยจะไม่ตกต่ำกว่านี้ อย่างไรก็ตาม หากมีการจัดการเลือกตั้งได้เร็วตลาดหุ้นจะฟื้นตัวขึ้น ซึ่งน่าจะเร็วกว่าภาวะเศรษฐกิจ